เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. นายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายคมสัน จำรูญพงษ์ และนางดาเรศร์ กิตติโยภาส ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่เพื่อติดตามการพัฒนาการเกษตรอัฉริยะ ณ ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ จังหวัดระยอง เพื่อขับเคลื่อนให้ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามแนวพระราชดำริ 4 ประการ คือ 1.ให้พัฒนาด้านการเกษตร โดยเฉพาะปศุสัตว์และการประมงเพื่อการบริโภค 2.ให้มีศูนย์ฝึกปฏิบัติการด้านการประกอบอาชีพโดยมีแปลงสาธิตของราษฎรตัวอย่าง 4 แปลง แปลงละ 4 ไร่ สร้างบ้านพักอาศัยที่อยู่ โดยปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ควบคู่กันไป การดำเนินธุรกิจฟาร์มในรูปสหกรณ์และราษฎรหมุนเวียนเข้าอยู่ 3.ให้จัดเป็นศูนย์กลางส่งเสริมการเลี้ยงปศุสัตว์ โดยให้เกษตรกรยืม พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ที่ดีไปผสมหรือเลี้ยงสัตว์เพื่อส่งลูกคืน และ4.ให้มีศูนย์พัฒนาการเกษตร จะได้ศึกษาและเยี่ยมชมเพื่อนำเอาเป็นแบบอย่างการดำเนินงาน รวมทั้ง เพื่อพัฒนาให้เป็นศูนย์เรียนรู้ด้านการเกษตรอัจฉริยะต้นแบบ เชื่อมโยงการท่องเที่ยวผ่านการทำงานบูรณาการทุกภาคส่วนทั้งระดับส่วนกลางและระดับพื้นที่ นายนราพัฒน์ กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงเกษตรกำลังพัฒนาฐานข้อมูล (Big data) เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหารในการดำเนินนโยบาย และประชาชนทั่วไป สามารถตอบโจทย์เกษตรกรรุ่นใหม่ ที่เน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี หากมีศูนย์เรียนรู้อัจฉริยะเช่นนี้ จะเป็นสิ่งที่ประจักษ์ได้จริง สร้างการถ่ายทอดได้อย่างชัดเจน การเปลี่ยน mindset ของเกษตรกรในการทำเกษตรยุคใหม่ สร้างช่องทางการหาตลาดเพิ่มขึ้น สามารถเป็นผู้ประกอบการรายย่อยได้เอง หรืออนาคตพัฒนาเป็นผู้ส่งออก หากมีการบูรณาการร่วมมันก็จะเป็นประโยชน์ ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ ได้ผลักดันให้เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ บนพื้นที่ 1,300 ไร่ มีฐานการเรียนรู้จากหน่วยงานภายใต้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 7 ด้าน ได้แก่ งานชลประทาน งานปศุสัตว์ งานประมง งานพัฒนาที่ดิน งานวิชาการเกษตร งานด้านข้าว และงานพืชสวน ซึ่งที่นี่จะเป็นที่พึ่งของเกษตรกรและประชาชนในจังหวัดและในประเทศไทยในการช่วยเหลือส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับเกษตรกร เพื่อให้พวกเขาสามารถพึ่งพาตนเองได้ตามแนวพระราชดำริ ผสมผสานกับการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในยุค Thailand 4.0 โดยตัวอย่างการพัฒนาการเกษตรอัจฉริยะ ได้แก่ การออกแบบสวนทุเรียนสมัยใหม่ เช่น ทุเรียนระยะชิด ทุเรียนต้นคู่ และทุเรียนกางแขน โดยใช้ระบบน้ำมินิสปริงเกลอร์ เครื่องจักรพ่นยา การใช้แอปพลิเคชันในมือถือควบคุมการให้น้ำ มีระบบเซนเซอร์ การควบคุมความชื้นในดิน และใช้งานวิจัยในการยกโคกเพื่อทำดินให้ฟู และรากไม่เน่า จากเดิมการปลูกทุเรียนปกติ 8*8 ต่อ 1 ไร่ ปลูกได้ 20 - 25 ต้น ผลผลิตเฉลี่ย 1,800 กิโลกรัม หากปลูกแบบสมัยใหม่จะสามารถอำนวยความสะดวกให้กับเกษตรกรง่ายขึ้นในการทำการเกษตร และลดต้นทุนการใช้แรงงาน รวมถึงผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรฯจะนำการขับเคลื่อนการพัฒนาศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงตามพระราชดำริ รายงานผลต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เพื่อส่งเสริม ขยายผลการพัฒนาศูนย์บริการการพัฒนาปลวกแดงให้ทันสมัย สร้างแรงดึงดูดให้เกษตรกรและประชาชนทั่วไปเข้ามาศึกษา เรียนรู้ สร้างงานและความมั่นคงทางอาชีพต่อไป