กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศพร้อมสานสัมพันธ์การค้าไทย-ยูเค ปูทางจัดทำเอฟทีเอระหว่างกัน หลังผลเลือกตั้งยูเคชี้เบร็กซิทมีแววได้ไปต่อ พร้อมเตรียมศึกษาประโยชน์ ผลกระทบ และจัดรับฟังความเห็นทุกภาคส่วน มั่นใจเป็นโอกาสทางการค้าของผู้ประกอบการไทย นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเปิดเผยว่า จากการติดตามผลการเลือกตั้งของสหราชอาณาจักร (ยูเค) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมาพรรคอนุรักษ์นิยมภายใต้แกนนำของนายบอริส จอห์นสัน ได้รับคะแนนเสียงข้างมากในสภา ส่งผลให้นายจอห์นสันได้เป็นนายกรัฐมนตรีของยูเคต่อนั้น และส่อแววว่านายจอห์นสัน จะเร่งเดินหน้านำยูเคออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรือเบร็กซิท (Brexit) ให้ทันกำหนดเส้นตายวันที่ 31 ม.ค.63 โดยจะมีช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านให้ประชาชนและภาคธุรกิจได้มีเวลาปรับตัวจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.63 ก่อนที่ยูเคจะออกจากอียูอย่างเป็นทางการ โดยผลการเลือกตั้งของยูเคครั้งนี้ ชี้ให้เห็นว่าประชาชนยูเคส่วนใหญ่ต้องการออกจากการเป็นสมาชิกอียู โดยรัฐบาลใหม่ของยูเคคงต้องรีบนำกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการถอนตัวออกจากอียู เสนอให้รัฐสภาพิจารณาอนุมัติ และเร่งเจรจาจัดทำข้อตกลงการค้าใหม่กับอียูให้เสร็จโดยเร็ว และมีผลใช้บังคับทันวันที่ 1 ม.ค.64 ก่อนที่ยูเคจะออกจากอียูอย่างเป็นทางการ ขณะเดียวกันในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ยูเค จะยังคงเป็นสมาชิกอียูและปฏิบัติตามกฎระเบียบของอียูต่อไป โดยอัตราภาษีและกฎระเบียบที่ยูเคปฏิบัติกับประเทศอื่นๆจะยังคงเดิมเช่นปัจจุบันไปจนถึงสิ้นปี 2563 ทำให้เกิดความแน่นอนทางการค้าและทิศทางในอนาคตของยูเค ซึ่งจะเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยผลการเลือกตั้งของยูเคส่งสัญญาณเชิงบวก เห็นได้จากค่าเงินปอนด์ที่สูงขึ้นเกือบร้อยละ 2 เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งนี้ในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน ยูเค สามารถเริ่มเจรจาจัดทำความตกลงทางการค้ากับประเทศอื่นๆ รวมทั้งไทยด้วย ซึ่งกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจะใช้โอกาสดังกล่าวเดินหน้าสานสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างไทยกับยูเค โดยไทยอยู่ระหว่างจัดทำรายงานทบทวนนโยบายการค้ากับยูเค เพื่อปูทางไปสู่การจัดทำเอฟทีเอระหว่างกันในอนาคต หากทั้ง 2 ฝ่ายมีความพร้อมและเห็นว่าเป็นประโยชน์ นอกจากนี้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเตรียมจ้างหน่วยงานวิจัยภายนอก ศึกษาประโยชน์และผลกระทบต่อไทย หากมีการทำเอฟทีเอกับยูเค รวมทั้งจัดรับฟังความเห็นผู้มีส่วนได้เสีย ทั้งภาครัฐ เอกชน เกษตรกร และภาคประชาสังคม เพื่อรวบรวมเป็นข้อมูลเสนอระดับนโยบายตัดสินใจเรื่องการทำเอฟทีเอระหว่าง 2 ประเทศต่อไป สำหรับ ยูเค เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับที่ 20 ของไทย และอันดับที่ 2 จากอียู รองจากเยอรมนี โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2562(ม.ค.-ต.ค.) การค้ารวมมีมูลค่า 5,285.17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยไทยส่งออก 3,282.10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกที่สำคัญเช่น รถยนต์และอุปกรณ์ ไก่แปรรูป รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ แผงวงจรไฟฟ้า เป็นต้น และนำเข้า 2,003.07 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้านำเข้าที่สำคัญเช่น เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ น้ำมันดิบ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องดื่ม เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เป็นต้น