จากกรณีที่ นายฉัตรชัย ชัยเสนา อายุ 35 ปี ข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง พร้อมด้วย น.ส.พิมพ์อักษร เรืองเดช อายุ 28 ปี แฟนสาว ซึ่งเป็นอดีตพนักงานฝ่ายสินเชื่อ ธนาคารชื่อดัง ได้นำเอกสารหลักฐาน ข้อความการแชทสนทนา ออกมาร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนเพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูกหลอกให้ออกรถเป็นหนี้กว่า 1 ล้านบาท นายฉัตรชัย กล่าวว่า ได้ถูก น.ส.โชติมณี (สงวนนามสกุล) อายุ 36 ปี ภรรยาของอดีตนายตำรวจยศ พ.ต.ท. ซึ่งเคยปฏิบัติหน้าที่อยู่โรงพักแห่งหนึ่ง ใน จ.สุรินทร์ ทั้งยังอ้างตัวว่าเป็นเจ้าของบริษัทค้าข้าวชื่อดัง และยังเคยเป็นลูกค้าของธนาคารที่แฟนสาวเคยทำงานอยู่ ได้มาหลอกล่อให้แฟนสาว ใช้ชื่อออกรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี จากเต็นท์รถให้ โดยอ้างว่าชื่อของตัวเองติดเครดิตบูโรไม่สามารถออกได้ ทั้งยังหลอกล่อว่าหากออกรถให้ได้จะรับแฟนสาวตนเข้าทำงานเป็นเสมียนที่บริษัทค้าข้าว หลังจากนั้นก็มีการทำเรื่องซื้อขายรถตามปกติ โดยใช้ชื่อของตนเป็นผู้เช่าซื้อ จากนั้นก็ส่งมอบรถเมื่อกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา หลังจากรับมอบรถ ภรรยาอดีตตำรวจก็เป็นคนนำรถไปใช้งานตลอด คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่ภรรยาอดีตตำรวจก็ยังไม่เห็นเรียกตัวแฟนสาวตนเข้าไปทำงานที่บริษัทตามที่เคยพูดไว้ กระทั่งเมื่อต้นเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทไฟแนนซ์ได้โทรมาทวงถามค่างวดรถ บอกว่าค้างค่างวดมา 3 เดือนแล้ว ซึ่งตามที่ระบุไว้ในสัญญาจะต้องจ่ายงวดละ 11,921 บาท ก็รู้สึกตกใจมาก จากนั้นตนและแฟนสาวก็โทรศัพท์ไปสอบถามภรรยาอดีตตำรวจว่าทำไมไม่ชำระค่างวดรถ ซึ่งภรรยาอดีตตำรวจก็พยายามบ่ายเบี่ยง กระทั่งตัดสินใจไปที่บ้านเพื่อจะขอรถคืน แต่กลับถูกขู่ว่าจะแจ้งกลับฐานบุกรุกด้วย หลังจากนั้นจึงได้นำเอกสารหลักฐานไปแจ้งความที่โรงพักใน จ.อุบลราชธานี เพราะเป็นท้องที่ที่ไปซื้อรถมาจากเต็นท์ แต่ตำรวจบอกว่าเกิดเหตุที่ไหนให้ไปแจ้งความที่นั่น จากนั้นจึงไปแจ้งลงบันทึกไว้ทั้งที่ สภ.พนมดงรัก สภ.เมืองสุรินทร์ สภ.บ้านกรวด และ สภ.ประโคนชัน จ.บุรีรัมย์ รวมถึงไปแจ้งกับทางกองปราบ แต่เรื่องก็ยังเงียบ เจ้าหน้าที่บอกแค่ว่าเป็นคดีแพ่งให้ไปฟ้องร้องเอาเอง พวกตนจึงตัดสินใจนำเรื่องมาร้องเรียนผ่านสื่อ เพราะอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง และผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือด้วย เพราะหากภรรยาอดีตตำรวจไม่จ่ายงวดก็อยากให้เอารถคืนบริษัท เพราะหากไม่จ่ายตนจะต้องแบกรับภาระทั้งค่างวด ดอกเบี้ยเป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ก็อยากจะให้ ตำรวจช่วยติดตามรถคืนให้ด้วย เชื่อว่าอาจจะเป็นขบวนการหลอกซื้อรถไปขายประเทศเพื่อนบ้าน และน่าจะมีคนตกเป็นเหยื่อหลายราย อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบประวัติภรรยาอดีตตำรวจที่อ้างว่าเป็นเจ้าของบริษัทค้าข้าว มีคดีถูกฟ้องร้องอยู่ 3 คดี ส่วน พ.ต.ท.ที่เป็นสามี ก็มีคดีถูกฟ้องร้องอยู่ 1 คดี ล่าสุดในวันนี้ (14 ธ.ค.62) ที่ สภ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พันโทประพล อาจหาญ อดีตนายทหารกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนายชูวิบูลย์ เงางาม ทนายความ และเจ้าหน้าที่สำนักงานกฎหมายช่วยเหลือประชาชนจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นัดชาวบ้านกลุ่มผู้เสียหายที่ถูก น.ส.โชติมณี (สงวนนามสกุล)หลอกลวง จำนวน 13 ราย เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม กับ ร.ต.อ.วัชรากร ปริมายะตา พนักงานสอบสอน สภ.พนมดงรัก เพื่อให้ติดตาม น.ส.โชติมณี ผู้ต้องหา มาดำเนินคดี หรือมาเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้รับเหมาก่อสร้างบ้าน สร้างรั้วบ้าน ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ว่าจ้างให้ทำงานแล้วไม่จ่ายค่าจ้าง และชื้อวัสดุก่อสร้างแล้วไม่จ่ายค่าสินค้ามูลค่าความเสียหายในส่วนนี้กว่า 1 ล้านบาท ยังไม่รวมค่ารถยนต์ ฮอนด้า ซีอาร์วี ของนายฉัตรชัย ชัยเสนา อีก 1 ล้านกว่าบาท นายณฐภณ งามแสง ช่างก่อสร้างทำบ้าน ที่อำเภอบ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่าตนเอง ได้รับการว่าจ้างจาก น.ส.โชติมณี ให้ไปทำก่อสร้างบ้าน และตนก็ตกสัญญากันกันในการก่อสร้าง เบิกค่าก่อสร้างล่วงหน้า 40% ตนเองเบิกมาแล้ว และงานไปจนงานใกล้เสร็จ ก็จะขอเบิกส่วนที่เหลืออีก 60 % นาง น.ส.โชติมณี ก็บ่ายเบี่ยง ตลอดเวลา ทวงถามอย่างไรก็ไม่ให้ ตนเองหยุดก่อสร้าง ให้ เพราะรำคราญ แถมยังมีการโทรมาทวงเอาเงินส่วนที่จ่ายมาแล้ว 40% ตนบอกว่าไม่ให้ ยังจะมาขู่อีกว่า จะฟ้องร้องดำเนินคดีกับตน ก็เลยบอกเขาไปว่า ตามสบายอยากฟ้องร้องอะไรฟ้องไป และเมื่อไม่นานโทรมาขอยืมเงินอีก 2,000 บาท พร้อมทั้งร้องห่มร้องไห้ ตนไม่ให้ เพราะเงินเดิมยังไม่ได้ จะมาขอยืมอะไรอีก คนประเภทนี้ควรจัดการออกไปจากสังคม เพราะสร้างความเดือดร้อนให้คนบริสุทธิ์ ตั้งอกตั้งใจประกอบอาชีพ แต่มีคนคอยฉกฉวยโอกาส หลอกล่วง สร้างความเดือดร้อนกันไปทั่ว ด้านนายชูวิบูยล์ เงางาม ทนายความกล่าวว่า วันนี้กลุ่มผู้เสียหายจากการถูก น.ส.โชติมณี หลอกล่วง เดินทางมาจาก อ.กระสัง อ.บ้านกรวด อ.ประโคนชัย จ.บุรัมย์ อ.พนมดงรัก อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวน สภ.พนมดงรัก ต่อจากกรณีของ นายฉัตรชัย ชัยเสนา ที่ถูกหลอกชื้อรถยนต์ แล้วหารถเจอแล้วในช่วงแรก ช่วงหลังรถหายไปแล้วและได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว กรณีที่ อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ผู้เสียถูกว่าจ้างมาทำการก่อสร้าง ทวงถามค่าจ้างหลายครั้งแต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาตลอด พอทราบข่าวทางสื่อมวลชนออกข่าวไป ว่า นางสาวโชติมณี หลอกลวง หลายราย จึงเชื่อว่าไม่ใช่การผิดสัญญาก่อสร้างแต่เชื่อว่าถูกหลอกให้ก่อสร้าง ช่างทำป้ายหิน ช่างทำฝ้าเพดาน ทาสีบ้าน จาก อ.บ้านกรวด ร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ อ.ปราสาท หลอกเอาวัสดุก่อสร้างมาสร้างบ้านก็ไม่จ่าย สรุกรวมๆเลยก็คือก่อสร้างบ้าน รั้ว ทาสี ครบองค์ประกอบบ้าน ส่วนเรื่องรถก็ถูกหลอกไปชื้อรถและไม่ส่งงวด จนมาถูกว่าถูกหลอกในช่วงหลัง รวมค่าเสียหายแล้วกว่า 2 ล้านบาท อยากเรียกร้องให้ น.ส.โชติมณี หากบริสุทธิจริงก็ให้มาพูดคุยกันที่ สถานีตำรวจ เพื่อพิสูจน์ความจริงและมาเปิดเผยว่ารถยนต์เอาไปไว้ที่ไหน เพราะคนออกรถให้เขาได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก