เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 12 ธ.ค.2562 ที่วัดจันทรัตนาราม(พระธาตุเมืองพล) ภายในชุมชนหนองแวง ต.เมืองพล อ.พล จ.ขอนแก่น ด.ต.เชาวลิต อุปแก้ว อายุ 43 ปี กรรมการวัดฯพร้อมชาวชุมชนพาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบตู้พระไตรปิฎกใส่พระคัมภีร์ ที่ถูกคนร้ายขโมยไป ซึ่งตู้ดังกล่าวตั้งอยู่ภายในศาลาที่พักศพด้านทิศตะวันตกของวัด โดยจากการตรวจสอบพบเพียงตาลปัตร และโต๊ะหมู่บูชาล้มอยู่ ด.ต.เชาวลิต บอกว่า ตู้พระไตรปิฎกที่หายไปนั้นมีญาติโยมนำมาถวายวัดตั้งแต่ปี 2509 ซึ่งขณะนั้นตั้งอยู่ที่ศาลาการเปรียญ แต่มีการซ่อมแซมศาลาการเปรียญ จึงได้ยกตู้พระไตรปิฎกใส่คัมภีร์ ซึ่งเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจำนวนกว่า 80,000 บท ที่ทางวัดได้เก็บรักษามาไว้อย่างดี ยกลงมาไว้ที่ศาลาพักศพเป็นเวลาร่วม 30 ปีแล้ว โดยศาลาที่พักศพ นอกจากจะใช้ประกอบพิธีฌาปนกิจศพแล้วก็มักจะมีคนเร่ร่อนหรือพระสงฆ์มาพัก แต่ก็ไม่เคยมีความผิดปกติ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากชาวบ้านประกอบพิธีฌาปนกิจศพเรียบร้อย พระสงฆ์ในวัดมาตรวจความเรียบร้อยที่ศาลา จึงไดรู้ว่าตู้พระไตรปิฎกหายไป จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พล มาตรวจที่เกิดเหตุ " ในส่วนของการหายไปของตู้พระไตรปิฎกในครั้งนี้ เชื่อว่าเป็นฝีมือของคนร้าย 4 คนมายกเอาไปตามออเดอร์นักสะสมของเก่า โดยน่าจะขนออกทางประตูศาลาทางด้านทิศตะวันออก นำไปใส่ในรถยนต์กระบะขนออกจากวัดไป" ด.ต.เชาวลิต กล่าวต่ออีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะมีคนในรู้เห็นกับเหตุการณ์นี้ด้วย เพราะคนร้ายจงใจมาขโมยตู้พระไตรปิฎกเท่านั้น ส่วนในจุดอื่นๆไม่มีร่องรอยงัดแงะรื้อค้นเสียหายแต่อย่างใด ทั้งนี้โดยส่วนตัวคาดว่าคนร้ายจะใช้ทางเข้า-ออกบริเวณเมรุเผาศพ เป็นเส้นทางในการก่อเหตุเพราะในจุดดังกล่าวนี้กล้องวงจรปิดของวัดซึ่งมีทั้งหมด 16 ตัว ส่องมาไม่ถึง เพราะประตูฝั่งนี้อยู่ในระยะไกลจากกล้องวงจรปิดมาก และหากเป็นตอนกลางคืนก็จะยากในการตรวจสอบและบันทึกภาพ " ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบแล้ว และอยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดดูว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวันเวลาใด โดยจากการตรวจสอบล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ตู้พระไตรปิฎกยังตั้งอยู่จุดเดิม และวันที่ 8 ธ.ค. ตู้พระไตรปิฎกได้หายไป โดยระยะเวลาดังกล่าวทางวัดก็จะทำการไล่กล้องวงจรปิดไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบเบาะแสของคนร้ายกลุ่มนี้ที่เข้ามาขโมยทรัพย์สินของวัดอย่างไม่เกรงกลัวบาปกรรม ทั้งนี้หากผู้ใดพบตู้พระไตรปิฎกขอให้แจ้งเบาะแสมาที่วัดหรือที่ตำรวจในท้องที่ เพื่อติดตามหาตัวคนร้ายกลุ่มนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมฝากถึงคนร้ายที่กอเหตุ ขอให้นำมาคืนเพราะสิ่งที่ทำถือเป็นความผิดทางกฎหมายและเป็นบาปกรรมติดตัวไป ทำอะไรก็จะไม่เจริญ"