โรบินสันตรัง ทุ่มงบกว่า 300 ล้าน ปรับโฉมใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดตรัง รองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่พึ่งสูงถึง 3.4 ล้านคน และนักท่องเที่ยวจากส่วนขยายต่อของสนามบินตรัง ที่จะหลั่งไหลเข้ามาอีกกว่า 3.4 ล้านคน ใน 3–5 ปี ข้างหน้าจัดเสวนา โรบินสันปักธงกระตุ้นเศรษฐกิจดินแดนไข่มุกอันดามัน นอกจากนี้ทางโรบินสันตรังได้มอบเงินบริจาคส่วนหนึ่งช่วยกิจกรรมสาธารณกุศล ให้กับเหล่ากาชาดจังหวัดตรัง
วันที่12ธันวาคม2562 นายลือชัย เจริญทรัพย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วย นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) และหอการค้าจังหวัดตรัง สภาอุตสาหกรรมจังหวัดตรัง และนักธุรกิจรุ่นใหม่ในจังหวัดตรัง ร่วมเสวนา โรบินสันปักธงกระตุ้นเศรษฐกิจดินแดนไข่มุกอันดามัน ทุ่มงบราว 300 ล้านบาท รีโนเวท และขยายเฟสฯ “โรบินสันไลฟ์สไตล์ ตรัง” ชูคอนเซ็ปต์ “วัน สต็อป เดสทิเนชั่น” ที่เดียวครบทุกความต้องการพร้อมรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวที่พึ่งสูงถึง 3.4 ล้านคน โดยมีประชาชนชาวตรัง หัวหน้าส่วนราชการทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เข้าร่วมงานเสวนาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ทางโรบินสันตรังได้มอบเงินบริจาคส่วนหนึ่งช่วยกิจกรรมสาธารณกุศล ให้กับเหล่ากาชาดจังหวัดตรัง
ทั้งนี้ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ตรัง ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของโมเดลในรูปแบบศูนย์การค้าฯ ที่ได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากชาวตรัง มาตลอดระยะเวลากว่า 9 ปี เนื่องจากเป็นเดสติเนชั่นแห่งแรกของจังหวัดที่มอบประสบการณ์ที่มากกว่าการช้อปปิ้งในรูปแบบ ‘กิน ช้อป เที่ยว’ ที่สมบูรณ์แบบ และมีการพัฒนาต่อยอด ทั้งในส่วนสินค้า บริการ และกิจกรรมการตลาด เพื่อตอบโจทย์และเข้าถึงความต้องการและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนตรังได้อย่างครบวงจรมาโดยตลอดส่งผลให้สาขาติดอันดับตันๆ (Ter 1) ของการมีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการ และยอดขายที่มีอัตราการเติบโตในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่องของธุรกิจโรบินสันจากปัจจัยดังกล่าว จึงนับเป็นศักยภาพที่เข้มแข็งของสาขา ที่โรบินสันเล็งเห็นถึงโอกาสในการที่จะขยายธุรกิจภายไต้แผนขยายพื้นที่ขายในเฟสใหม่ ด้วยการต่อเติมอาคาร อีก 8,000 ตารางเมตร พร้อมทั้ง รีโนเวทพื้นที่ จัดโซนนิ่งใหม่เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นการปรับโฉมครั้งสำคัญของศูนย์การค้า เพื่อรองรับลูกค้าประจำ และนักท่องเที่ยวจากส่วนขยายต่อของสนามบินตรัง ที่จะหลั่งไหลเข้ามาอีกกว่า 3.4 ล้านคน ใน 3–5 ปี ข้างหน้า
อย่างไรก็ตามบริษัทใช้เงินลงทุนราว 300 ล้านบาท ในการรีโนเวทและขยายพื้นที่ ในศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ตรัง ภายใต้ธีม Under The Sea ที่ได้ดึงเอาความโดดเด่น กลิ่นอายแห่งท้องทะเลมาปรับเข้ากับความสนุก ความทันสมัย พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยร้านค้าและแบรนด์ชั้นนำมากมายกว่า 50 แบรนด์ อาทิ สตาร์บัคส์ ชาบูชิ ตำมั่ว หลานตาชู เกาะลิบง โรตี-ชาชัก และสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยศูนย์รวมการบริการตรงใจ One Stop Destination ที่เดียวครบทุกความต้องการ ครอบคลุม ครบครัน ทันสมัย ทั้งแหล่งช็อปปปิ้งและความบันเทิง รวมถึงสวนสนุก “Let’s Play” ในร่ม รูปแบบใหม่ ใน Theme Carnival ที่พร้อมสร้างความสนุกด้วยเครื่องเล่น หลากหลาย สำหรับทุกวัย และสร้างความสุขครั้งใหม่ให้ทุกครอบครัว
นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) บอกว่า โรบินสันตรังเปิดตัวมาปีนี้เข้าปีที่ 10 แล้ว ซึ่งสาขานี้เป็นสาขาแรก มาปักธงที่ตรัง ตอนนี้มีอยู่ 23 สาขา เราเห็นศักยภาพของตรัง แม้เศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ค่อยดี แต่สาขาตรังก็เป็นสาขาที่ดีเสมอมา เรามาลงทุนงบไปประมาณ 300 ล้านบาท และในส่วนของร้านค้าเช่าเอง รวมกันประมาณ 500 ล้านบาท มาร่วมกันสร้างอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจ ตนเองมองว่าการลงทุนเป็นแรงบวกไม่ใช่การแข่งขัน ประโยชน์ที่ได้รับคือชาวตรัง และลูกค้าเอง เราวางแผนเผื่อเฟส 3 ไว้แล้ว ตรังเป็นเมืองที่เรามั่นใจ สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ในการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากปัจจุบันราคายางไม่ดี เราเองก็ต้องปรับตัวเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นำนวัตกรรมมาปรับใช้ต่อไป และในเฟสที่ 3 จะขยายภายในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า สาขาตรังมีกลุ่มลูกค้าทั้งจังหวัดพัทลุง กระบี่ สตูล ซึ่งตรังเป็นศูนย์กลาง
ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล มองว่าการมีมาตรการออกมาก็ดีกว่าไม่มีอะไร ภาคเอกชนเองก็ต้องเกาะกลุ่มทำงานร่วมกับภาครัฐ วิจารณ์กันอย่างสร้างสรรค์ ทำงานร่วมกันมองหาโอกาส ทางสมาคมค้าปลีกพูดมาตลอดเรื่องของกำแพงภาษี ที่เราเคยมีกำแพงภาษีเดิมๆ ป้องกันการนำเข้าสินค้าบางประเภทเพื่อจะรักษาผู้ประกอบการภายใน แต่เวลาเปลี่ยนไปเยอะแล้ว อย่างประเทศไทยเองนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยมาเที่ยวบ้านเราได้แค่ค่าโรงแรมและกินใช้เล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ช้อปปิ้งเพราะของบ้านเราแพงกว่าบ้านเขา ตนเองก็จะร่วมกันผลักดันเรื่องนี้ต่อไป
ทั้งนี้ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ตรัง ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของโมเดลในรูปแบบศูนย์การค้าฯ ที่ได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากชาวตรัง มาตลอดระยะเวลากว่า 9 ปี เนื่องจากเป็นเดสติเนชั่นแห่งแรกของจังหวัดที่มอบประสบการณ์ที่มากกว่าการช้อปปิ้งในรูปแบบ ‘กิน ช้อป เที่ยว’ ที่สมบูรณ์แบบ และมีการพัฒนาต่อยอด ทั้งในส่วนสินค้า บริการ และกิจกรรมการตลาด เพื่อตอบโจทย์และเข้าถึงความต้องการและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนตรังได้อย่างครบวงจรมาโดยตลอดส่งผลให้สาขาติดอันดับตันๆ (Ter 1) ของการมีจำนวนผู้เข้ามาใช้บริการ และยอดขายที่มีอัตราการเติบโตในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่องของธุรกิจโรบินสันจากปัจจัยดังกล่าว จึงนับเป็นศักยภาพที่เข้มแข็งของสาขา ที่โรบินสันเล็งเห็นถึงโอกาสในการที่จะขยายธุรกิจภายไต้แผนขยายพื้นที่ขายในเฟสใหม่ ด้วยการต่อเติมอาคาร อีก 8,000 ตารางเมตร พร้อมทั้ง รีโนเวทพื้นที่ จัดโซนนิ่งใหม่เกือบทั้งหมด ซึ่งเป็นการปรับโฉมครั้งสำคัญของศูนย์การค้า เพื่อรองรับลูกค้าประจำ และนักท่องเที่ยวจากส่วนขยายต่อของสนามบินตรัง ที่จะหลั่งไหลเข้ามาอีกกว่า 3.4 ล้านคน ใน 3–5 ปี ข้างหน้า
อย่างไรก็ตามบริษัทใช้เงินลงทุนราว 300 ล้านบาท ในการรีโนเวทและขยายพื้นที่ ในศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ตรัง ภายใต้ธีม Under The Sea ที่ได้ดึงเอาความโดดเด่น กลิ่นอายแห่งท้องทะเลมาปรับเข้ากับความสนุก ความทันสมัย พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยร้านค้าและแบรนด์ชั้นนำมากมายกว่า 50 แบรนด์ อาทิ สตาร์บัคส์ ชาบูชิ ตำมั่ว หลานตาชู เกาะลิบง โรตี-ชาชัก และสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยศูนย์รวมการบริการตรงใจ One Stop Destination ที่เดียวครบทุกความต้องการ ครอบคลุม ครบครัน ทันสมัย ทั้งแหล่งช็อปปปิ้งและความบันเทิง รวมถึงสวนสนุก “Let’s Play” ในร่ม รูปแบบใหม่ ใน Theme Carnival ที่พร้อมสร้างความสนุกด้วยเครื่องเล่น หลากหลาย สำหรับทุกวัย และสร้างความสุขครั้งใหม่ให้ทุกครอบครัว
นายวุฒิเกียรติ เตชะมงคลาภิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โรบินสัน จำกัด (มหาชน) บอกว่า โรบินสันตรังเปิดตัวมาปีนี้เข้าปีที่ 10 แล้ว ซึ่งสาขานี้เป็นสาขาแรก มาปักธงที่ตรัง ตอนนี้มีอยู่ 23 สาขา เราเห็นศักยภาพของตรัง แม้เศรษฐกิจช่วงนี้ไม่ค่อยดี แต่สาขาตรังก็เป็นสาขาที่ดีเสมอมา เรามาลงทุนงบไปประมาณ 300 ล้านบาท และในส่วนของร้านค้าเช่าเอง รวมกันประมาณ 500 ล้านบาท มาร่วมกันสร้างอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจ ตนเองมองว่าการลงทุนเป็นแรงบวกไม่ใช่การแข่งขัน ประโยชน์ที่ได้รับคือชาวตรัง และลูกค้าเอง เราวางแผนเผื่อเฟส 3 ไว้แล้ว ตรังเป็นเมืองที่เรามั่นใจ สามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ในการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากปัจจุบันราคายางไม่ดี เราเองก็ต้องปรับตัวเป็นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นำนวัตกรรมมาปรับใช้ต่อไป และในเฟสที่ 3 จะขยายภายในระยะเวลา 3-5 ปีข้างหน้า สาขาตรังมีกลุ่มลูกค้าทั้งจังหวัดพัทลุง กระบี่ สตูล ซึ่งตรังเป็นศูนย์กลาง
ส่วนการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล มองว่าการมีมาตรการออกมาก็ดีกว่าไม่มีอะไร ภาคเอกชนเองก็ต้องเกาะกลุ่มทำงานร่วมกับภาครัฐ วิจารณ์กันอย่างสร้างสรรค์ ทำงานร่วมกันมองหาโอกาส ทางสมาคมค้าปลีกพูดมาตลอดเรื่องของกำแพงภาษี ที่เราเคยมีกำแพงภาษีเดิมๆ ป้องกันการนำเข้าสินค้าบางประเภทเพื่อจะรักษาผู้ประกอบการภายใน แต่เวลาเปลี่ยนไปเยอะแล้ว อย่างประเทศไทยเองนักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยมาเที่ยวบ้านเราได้แค่ค่าโรงแรมและกินใช้เล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ช้อปปิ้งเพราะของบ้านเราแพงกว่าบ้านเขา ตนเองก็จะร่วมกันผลักดันเรื่องนี้ต่อไป