นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พร้อมระบุข้อความว่า
ไม่ทราบดร.วิษณุมีเจตนาอะไร ถึงได้ยกกรณีที่ดินบนเขายายเที่ยงของพล.อ.สุรยุทธ์มาเทียบเคียงกับที่ดินปารีณา แล้วอธิบายว่าเหมือนกันคือเมื่อคืนที่แล้วก็จบ เพราะกระบวนการของสองเรื่องนี้แตกต่าง หากต้องการช่วยปารีณานอกจากช่วยไม่ได้แล้ว ยังไปกระทบคนอื่นซึ่งคงไม่อยากมาเกี่ยวข้องด้วย ที่ดินบนเขายายเที่ยงมีคนร้องดำเนินคดี พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องแล้วส่งสำนวนให้พนักงานอัยการจังหวัดสีคิ้ว อัยการสอบสวนเพิ่มเติมบางประเด็นแล้วส่งเรื่องให้อธิบดีอัยการเขต 3 ซึ่งมีคำสั่งไม่ฟ้องอ้างว่าผู้ครอบครองไม่มีเจตนาทำผิดกฎหมาย โดยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาให้ความเห็นชอบกับคำสั่งไม่ฟ้องของอธิบดีอัยการเขต 3 เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2552 เห็นด้วยหรือไม่ หรือมีข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างไรต่อกรณีนี้เป็นอีกเรื่อง แต่เมื่อเทียบเคียงก็ชัดเจนว่าที่ดินเขายายเที่ยงเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดี ทั้งที่ขณะนั้นพล.อ.สุรยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้แต่สนช.จากคณะรัฐประหารก็ยื่นญัตติอภิปรายจริยธรรมนายกฯในเรื่องดังกล่าว ไม่มีใครในรัฐบาลตัดสินเอง พยายามจะจบเรื่องเองเหมือนตอนนี้ มีข่าวรัฐมนตรีในรัฐบาลเห็นต่างไม่ลงรอยกันหลายเรื่อง แต่กับเรื่องนี้เห็นไปในแนวเดียวกัน ทุกคนไม่หือไม่อือ เป็นเอกภาพอย่างพิศดาร คอร์รัปชันเป็นภัยร้ายต้องป้องกันแก้ไข แต่สังคมใดถึงขั้นคอร์รัปชันความยุติธรรม ใช้อำนาจเบียดบังช่วยเหลือพวกพ้องหรือเล่นงานฝ่ายตรงข้ามได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถือว่าสังคมนั้นกำลังตกอยู่ในอันตราย