นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ โพสต์ข้อความในเพจเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang ระบุว่า... เห็นตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันต่ำสุดในรอบ 18 ปีแล้วหนาวยิ่งกว่าอากาศหนาวในเวลานี้ครับ ในข่าว นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีอาวุโสวิชาการและงานวิจัยและผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยได้ให้ข้อมูลว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากระดับ 46.5 มาอยู่ที่ระดับ 45.2 ต่ำสุดในรอบ 18 ปี 2 เดือน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคพ.ย. ต่ำสุดในรอบ 67 เดือน การเมืองเศรษฐกิจฉุดร่วงทุกดัชนี ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตปรับตัวลดลงทุกรายการ รองอธิการบดีท่านนี้ยังได้อธิบายสาเหตุที่ทำให้ผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยในด้านต่างๆไว้ด้วย ใครสนใจก็กดลิ้งค์ข้างต้นอ่านรายละเอียดดูได้ครับ ที่ผมอยากจะตั้งประเด็นคุยกันต่อสัก 5 ข้อก็คือ 1.ทำไมทั้งๆที่รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยกลับลดลงเป็นประวัติการณ์เช่นนี้ หรือเป็นเพราะมาตรการเศรษฐกิจเหล่านี้นี่เองที่ทำให้ความเชื่อมั่นยิ่งลดลง 2.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่พุ่งเป้าไปที่ผู้มีรายได้ปานกลางถึงผู้มีรายได้น้อย แถมมีหนี้สินครัวเรือนสูงมากอย่างที่ทำอยู่นี้เป็นการกำหนดเป้าที่ผิดใช่หรือไม่ 3.แทนที่จะมุ่งกระตุ้นให้คนที่ชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่แล้วใช้จ่ายกันมากๆ ทำไมไม่หามาตรการส่งเสริมให้เกิดรายได้มากขึ้น ลดหนี้สินให้น้อยลง ซึ่งต้องถามต่อว่าทำไมไม่ออกมาตรการที่ส่งเสริมให้เกิดธุรกรรมหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้มากๆ แต่กลับเอางบประมาณที่ได้มาจากการก่อหนี้ภาครัฐไปทำให้เกิดการใช้จ่ายแบบแป๊บเดียวก็ละลายหายไป 4.ในส่วนของการท่องเที่ยว แทนที่จะไปกระตุ้นคนไทยที่ไม่ค่อยมีเงินอยู่แล้ว ให้ไปเที่ยวมากๆ ทำไมไม่หาทางส่งเสริมให้ชาวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวมากขึ้น นั่นก็คือการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว การคมนาคมขนส่งที่สะดวกรวดเร็ว เพิ่มมาตรการให้เกิดความปลอดภัย ความสามารถในการให้บริการและส่งเสริมให้เกิดการกระจายรายได้ให้มากที่สุด 5.จากการสำรวจความคิดเห็นที่มีการเผยแพร่นี้ ประชาชนเป็นห่วงสถานการณ์โลกที่ผันผวน การส่งออกและค่าเงินบาทที่แข็ง ซึ่งก็มีเหตุผลที่จะเป็นห่วง ทำไมรัฐบาลไม่ค่อยได้ทำอะไรให้เห็นเป็นเรื่องเป็นราวในการเจรจาการประเทศคู่ค้า ทำไมไม่พยายามหาทางสื่อสารกับผู้รับผิดชอบเพื่อหาทางให้ให้เงินบาทลดความเป็นปัญหาต่อทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยว คำถาม 5 ข้อนี้ คงไม่ต้องการคำตอบในรายละเอียดจากรัฐบาลที่กำลังทำงานแบบไปคนละทิศคนละทางอย่างที่เป็นอยู่ แต่ที่ตั้งคำถามเหล่านี้ก็เพราะหวังว่าจะนำไปสู่คำถามที่ใหญ่กว่าคือที่เศรษฐกิจไทยแย่ลงๆทุกวันนี้ คงไม่ใช่ปัญหาเทคนิครายละเอียดเสียแล้ว แต่เป็นปัญหาระดับทิศทางแนวทางที่ผิดพลาดและกำลังต้องการการแก้ไขเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่แล้ว ใช่หรือไม่