อ่างเก็บน้ำดอยงูปิดกั้นลำน้ำแม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย มีความจุอ่างเก็บน้ำ 7 ล้านลูกบาศก์เมตร มีน้ำใช้การภาคการเกษตร 4.5 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้เหลืออยู่ 2.5 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับเวลากว่า 1 เดือนก่อนเก็บเกี่ยว
ปัญหาคือทำนาปรังกันมากกว่าแผนที่กำหนดไว้เพียง 4,000 ไร่ แต่ทำถึง 11,050 ไร่ เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าตัว เนื่องจากชาวนาเห็นว่าปริมาณน้ำปีนี้ดีกว่าปีก่อน อีกทั้งมีการส่งเสริมปลูกข้าวญี่ปุ่นนอกเหนือจากข้าวธรรมดา จึงแห่กันทำนา
อันที่จริง ปัญหาน้ำในพื้นที่ชลประทานอ่างเก็บน้ำดอยงูมีมาหลายปี ท้ายอ่างก่อสร้างฝายเป็นระยะๆ 4 ฝาย ในส่วนของลำน้ำแม่เจดีย์ ได้แก่ ฝายบ้านชุ่มเมืองเย็น และส่วนที่ไหลไปสมทบกับลำน้ำแม่ลาว ได้แก่ ฝายหนองหอย ฝายพ่อขุน และฝายโป่งนก
พื้นที่เพาะปลูกของฝายบ้านชุ่มเมืองเย็นอยู่ต้นน้ำจึงไม่มีปัญหา แต่ปลายน้ำอย่างฝายโป่งนกไม่เคยได้น้ำมาร่วม 20 ปี แย่งน้ำกันจนถึงขั้นเสียชีวิต ต้องลุกขึ้นเรียกร้องจนได้รับการจัดสรรน้ำเมื่อปี 2559 เอง หรือกระทั่งพื้นที่กลางน้ำอย่างฝายหนองหอย และฝายพ่อขุน ต่างก็แย่งน้ำ ทะเลาะกัน เพราะไม่เคารพกติกา มีท่อเถื่อนลักลอบชักน้ำรวมทั้งมีการกั้นฝายชั่วคราวกักน้ำในลำน้ำ นับรวมๆ กันเกือบครึ่งร้อย
นายกฤตย์ สวาสดิ์มิตร ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงราย กล่าวว่า มีความพยายามแก้ปัญหานี้มาหลายปีแต่ก็ไม่สำเร็จ จึงสนใจที่จะนำเอากระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนเข้ามาแก้ปัญหา เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำแม่เจดีย์ และส่วนต่อลุ่มน้ำแม่ลาว เป็นไปอย่างเป็นธรรมและทั่วถึง
นายสุจินต์ หลิ่มโตประเสริฐ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน กรมชลประทาน ได้ใช้กลไกในการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ชลประทาน โดยผ่านเครือข่ายส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน (คสป.) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนภาคประชาชนและภาครัฐ ลงไปประชุมหารือกับเกษตรกร เวทีชุมชนครั้งแรกกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ เทศบาลเวียงกาหลง โดย คสป.ได้เชิญสมาชิกกลุ่มผู้ใช้น้ำอ่างเก็บน้ำดอยงูทั้งสี่ฝายมาหาทางแก้ปัญหาการบริหารน้ำร่วมกัน
เริ่มจาก คสป.ได้นำแผนที่ทำมือที่ทำกันเอง ให้ชาวบ้านดูแล้วซึ่งเข้าใจง่ายกว่าแผนที่ของทางราชการ แสดงถึงขอบเขตคลองส่งน้ำที่กระจายในพื้นที่ทั้งหมดมาแสดง เพื่อให้เห็นภาพทั้งพื้นที่ชัดเจน แทนเห็นเฉพาะแปลงตัวเองอย่างเดียว และอาจแก้ไขแผนที่หากพบว่ายังไม่สมบูรณ์ถูกต้อง ซึ่งสมาชิกต่างก็ยอมรับไม่มีการแก้ไข เพียงแต่ขอให้ใส่แปลงกรรมสิทธ์ของแต่ละคนด้วย ส่วนจำนวนพื้นที่ทำนาแต่ละฝายนั้นยังไม่ตรงกับความจริง และการใช้น้ำของพืชแต่ละชนิดก็ไม่พร้อมกัน ซึ่งทุกคนจะกลับมาทำข้อมูลดังกล่าวให้ถูกต้องต่อไป
แต่ปัญหาเร่งด่วนตอนนี้คือ ต้นข้าวกำลังจะตายดินแห้งแตกระแหงแล้ว ขอให้ทางชลประทานช่วยเปิดน้ำเพิ่มด้วย จาก 2 เซนติเมตร เป็น 4 เซนติเมตร เป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อทดสอบสภาพปัญหาน้ำ แล้วนำมาสรุปผล
“แผนที่ทำมือทำให้ชาวบ้านจะเห็นภาพรวมในพื้นที่เลยว่า คลองต่างๆ อยู่ที่ใด ผ่านแปลงนาใครบ้าง แปลงตัวเองอยู่ตรงไหน แปลงต่อกันและแปลงอื่นๆ เป็นอย่างไร ขณะเดียวกันจะเห็นปัญหาน้ำโดยรวม ทำให้พลอยเข้าใจปัญหาคนอื่นด้วย”
นายสุจินต์ย้ำว่า ข้อมูลที่ได้จากการเดินสำรวจแล้วแปรเป็นแผนที่ทำมือ ยิ่งถูกต้องแม่นยำเท่าใด ก็จะมีพลังมากขึ้นเท่านั้น “เพราะเป็นกระบวนการที่จัดทำโดยกลุ่มผู้แทนชาวบ้าน ฉะนั้นข้อมูลนี้จะดึงชาวบ้านจำนวนมากเข้ามาร่วมตรวจสอบ เพื่อรักษาสิทธิของตัวเอง”
พร้อมกับย้ำว่า “แผนที่ทำมือ อาจเรียกได้อีกอย่างว่า แผนที่ชีวิตเพราะทุกๆ ชีวิตมาช่วยกันขีดช่วยกันเขียนช่วยกันบอกข้อมูลต่างๆ ในชุมชน ซึ่งสามารถใช้อ้างอิง และแก้ไขปัญหาน้ำในอนาคตอีกด้วย”
นายสุจินต์กล่าวว่า กระบวนการเหล่านี้ เป็นกระบวนการเรียนรู้จากการปฏิบัติจริง (Action Learning) ในทุกขั้นตอน ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านเรียนรู้ปัญหาและการหาทางออกของปัญหาด้วยตัวเอง โดยมีตัวแทนจากกรมชลประทานทำหน้าที่เป็นโค้ชคอยแนะนำด้านเทคนิค เช่น การคำนวณปริมาณน้ำ อัตราการไหลของน้ำ ปริมาณความต้องการน้ำของพืช หรือการซ่อมแซมอาคารชลประทาน
“แต่ก่อนก็เคยมีการดำเนินการเช่นนี้ แต่เป็นขั้นต้นคือรู้ว่าปัญหาอยู่ตรงไหนลงมือแก้ เสร็จแล้วก็เสร็จเลยไม่รู้ว่าแก้ปัญหาได้ไหม ไม่มีการนำมาถอดบทเรียนถึงเหตุที่มาของปัญหาว่ามีที่มาอย่างไรเพื่อหาแนวทางแก้ แต่ครั้งนี้มีการสรุปบทเรียนร่วมกัน นำข้อสรุปที่ได้ไปปฏิบัติใหม่ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนเกิดความชำนาญ และกลายเป็นภูมิรู้ใช้แก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้ ซึ่งจะกลายเป็นความเข้มแข็งของชุมชนในที่สุด”
การแก้ไขปัญหาน้ำในพื้นที่อ่างเก็บน้ำดอยงู อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน อีกระยะหนึ่งถึงจะเห็นผลจากยุทธศาสตร์การมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งน่าจะเป็นผลดีที่ชาวบ้านลุกขึ้นมาเรียนรู้และแก้ไขปัญหาน้ำด้วยตัวเองมากกว่าการรอคอยความช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว




