แรงศรัทธา สร้างจนแล้วเสร็จโรงพยาบาลวัดสมานรัดนาราม ขนาด 150 เตียง มูลค่านับพันล้านบาท ส่งมอบให้แก่ รพ.พุทธโสธร เข้าดำเนินการพร้อมเปิดให้บริการแก่ประชาชนอย่างเป็นทางการแล้ว หลัง รมช.สาธารณสุข เดินทางมารับมอบด้วยตนเอง ก่อนเตรียมเสนอเข้า ครม.ผลักดันให้ทุก รพ.ใน 3 จังหวัดพื้นที่พัฒนาพิเศษ ได้รับการจัดสรรบุคคลากรเพิ่มมากขึ้นเพื่อรองรับประชากรแฝงที่เข้ามาในพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น
วันที่ 4 ธ.ค.62 เวลา 10.30 น. ที่อาคารผู้ป่วยวัดสมานรัตนาราม ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ได้เดินทางมารับมอบโรงวัดสมานรัตนาราม ขนาด 150 เตียง จากพระประชาธรรมนาถ เจ้าอาวาสวัดสมานรัดตนาราม เจ้าคณะอำเภอแปลงยาว และท่าตะเกียบ พร้อมคณะพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ประกอบด้วย สมเด็จพระธีรญาณมุนี กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าคณะภาค 1-2-3 และ 12-13 (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดเทพศิรินทราวาส
โดยมี นายประสงค์ คงเคารพธรรม รอง ผวจ.ฉะเชิงเทรา นายพินิจ จารุสมบัติ อดีต รองนายกรัฐมนตรี นพ.อภิชาติ รอดสม สาธารณสุขนิเทศก์เขตสุขภาพที่ 6 นพ.มณเฑียร คณาสวัสดิ์ สสจ.ฉะเชิงเทรา พญ.สมบัติ ชุติมานุกูล ผอ.รพ.พุทธโสธร นำประชาชนจำนวนมากกว่า 1 พันคน มาร่วมกันทอดผ้าป่าสามัคคีในพิธีส่งมอบโรงพยาบาลให้แก่กระทรวงสาธารณะสุขในครั้งนี้ด้วย
พระประชาธรรมนาถ กล่าวว่า โรงพยาบาลวัดสมานรัตนารามแห่งนี้ ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เมื่อปี 2554 ในการจัดซื้อที่ดินจำนวน 5 ไร่ และเริ่มลงเสาเข็มก่อสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 5 พ.ค.2556 จนแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการแก่ประชาชนแล้วในวันนี้ จำนวน 2 ชั้น คือ ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 ส่วนชั้นที่ 3 จนถึงชั้นที่ 9 ยังอยู่ระหว่างการตกแต่ง และพร้อมที่จะเปิดให้บริการต่อเนื่องไปในปี 2564
รวมพื้นที่การให้บริการจำนวน 18,800 ตารางเมตร โดยมีอาคารสนับสนุนสูง 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอยจำนวน 3,200 ตรม. นอกจากนี้ยังจะมีการก่อสร้างอาคารแพทย์แผนไทย 6 ชั้นเพิ่มเติมอีก 1 อาคารรวมมูลค่าทั้งสิ้น 700 -1,000 ล้านบาท เพื่อเป็นสถานพยาบาล ที่สามารถรองรับการให้บริการด้านสุขภาพ ด้านการแพทย์แผนไทย การแพทย์ทางเลือก การดูแลพระสงฆ์ ผู้สูงอายุ และการฟื้นฟูสภาพให้กับประชาชน
โดยมีการจัดตั้งมูลนิธิวัดสมานรัตนารามไว้ เพื่อให้การสนับสนุนทางด้านเงินงบประมาณแก่ทางโรงพยาบาลในระยะยาวด้วย ที่ผ่านมานั้นได้มีการมอบทุนการศึกษา ให้นักเรียนแพทย์ พยาบาล จนจบหลักสูตรมาแล้วหลายอัตรา พระประชาธรรมนาถ กล่าว
ขณะที่ นายสาธิต ปิตุเตชะ กล่าวระหว่างพิธีรับมอบโรงพยาบาลว่า ประเทศไทยเป็นประเทศชั้นแนวหน้าในด้านการดูแลสุขภาพปัจจุบันถูกจัดให้อยู่ในลำดับที่ 6 ของโลก ในการดูแลสุขภาพของคนทั้งประเทศทั่วหน้าโดยเท่าเทียมและทั่วถึง จึงทำให้มีปัญหาในเรื่องของความแออัด ทั้งด้านสถานที่และตัวบุคคลากรทางการแพทย์
โดยเรามุ่งหวังที่จะให้บริการแก่ประชาชนทั้งประเทศอย่างเต็มคุณภาพและความปลอดภัย หลังได้รับมอบโรงพยาบาลวัตสมานรัตนารามหรือพุทธโสธร 2 แล้ว จึงมีแนวทางในอนาคตว่า จะที่ต้องขอโควต้าทางด้านบุคคลากรทางการแพทย์และพยาบาล จากคณะรัฐมนตรีให้ทุกโรงพยาบาลในพื้นที่เขตการพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
ประกอบด้วย จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง รวม 3 จังหวัดนั้น ต้องมีอัตราบุคลากรทางการแพทย์ที่เพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษด้วย เนื่องจากอัตรารายหัวในปัจจุบันเพียง 3 พันบาทเศษนั้น ยังไม่ตรงกับความเป็นจริงต่อประชากรในเขตพื้นที่ ซึ่งมีจำนวนคนหรือประชากรแฝงที่เข้ามาอยู่เพิ่มเติมในพื้นที่มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว จึงไม่สามารถที่จะใช้อัตราปกติทั่วไปเหมือนกับจังหวัดอื่นๆ ได้ นายสาธิต กล่าว