“คารม”ยัน “ธนาธร”ไม่ปลุกม็อบลงถนน ชี้ไม่ใช่เรื่องง่าย-มีบทเรียนในอดีต มั่นใจไม่ทำเรื่องสุ่มเสี่ยงให้เข้าทางฝ่ายจ้องล้ม วันที่ 1 ธ.ค. นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่(อนค.)กล่าวถึงกระแสการวิพากษณ์วิจารณ์ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ลาออกจากกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เพื่อปลุกม็อบลงถนน ว่า การที่จะปลุกม็อบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะเรามีบทเรียนจากในอดีตที่ผ่านมา และตนเชื่อว่านายธนาธรไม่ได้คิดที่จะปลุกม็อบหรือต้องการให้เกิดความขัดแย้งและรุนแรงใดๆอีกแล้ว จากการที่ตนร่วมงานกับนายธนาธรตั้งแต่ก่อตั้งพรรค เขาไม่มีความคิดที่จะนำมวลชนลงถนน แต่ต้องการให้พรรคขับเคลื่อนตามกลไกสภาและมีการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และตั้งใจอยากเป็นส.ส.เพื่อเข้าไปขับเคลื่อนการเมืองรูปแบบใหม่ ทั้งๆที่ความเป็นจริงเขาจะอยู่แบบสบายๆ เพราะเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยอยู่แล้วก็ได้ แต่ด้วยความมุ่งมั่นจึงเข้ามาสู่การเมือง นอกจากนี้จากการที่เขาถูกจับตามองเป็นพิเศษจากผู้มีอำนาจ การจะทำอะไรต้องระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงนี้คงต้องระมัดระวังมากกว่าเดิม ตนเชื่อว่านายธนาธรจะไม่ทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงเข้าทางฝ่ายที่จับจ้องอยู่อย่างแน่นอน โดยเฉพาะตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 116 ข้อหาการยุยงปลุกปั่น ที่จะไปเข้าทางคนที่ต้องการล้มนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่อยู่แล้ว นายคารม กล่าวอีกว่า ตนคิดว่ารัฐบาลไม่ต้องไปกังวลเรื่องนายธนาธร แต่ควรจะกังวลกับการบริหารจะดีกว่า โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซา รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ ไม่เกี่ยวกับนายธนาธรจะเดินเกมนอกสภา รัฐบาลวันนี้เหมือนคนที่อยากเข้าห้องสอบไปทำข้อสอบ แต่อ่านหนังสือมาน้อยและมีความรู้ไม่เพียงพอ เมื่อเจอข้อสอบเรื่องเศรษฐกิจ เลยไปนั่งงงนั่งมึนในห้องสอบ ไม่รู้ว่าจะแก้โจทย์ข้อสอบอย่างไร จึงเขียนคำตอบที่ไม่ถูกต้องลงไป เหมือนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจวันนี้ที่ไม่ถูกทาง ดังนั้นตนคิดว่า รัฐบาลควรจะไปเพิ่มความรู้ในการแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจ รู้ให้ลึกรู้ให้จริง วันนี้ด้วยเทคโนโลยีข่าวสารที่เข้าถึงเร็ว ประชาชนมีข้อมูลต่างๆเยอะ ถ้ารัฐบาลแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชนได้ รัฐบาลก็อยู่ได้อีกนานโดยไม่ต้องไปกังวลอะไรอีก นายคารม ยังกล่าวถึงกรณีที่การประชุมสภาฯล่มถึง 2 ครั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้เกิดจากการพยายามเสนอญัตติให้นับคะแนนใหม่ในการตั้งกรรมาธิการศึกษาผลกระทบจากคำสั่งคสช.และมาตรา 44 ที่ฝั่งรัฐบาลแพ้แล้วไม่ยอมแพ้ จริงๆการตั้งกมธ.นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เป็นเพียงการตั้งเพื่อศึกษาผลกระทบต่างๆ เรื่องไหนดีเราจะไม่ยุ่ง แต่เรื่องที่ไม่ดีต้องแก้ไขและเยียวยา ฝ่ายค้านเราไม่ได้ค้านในทุกๆเรื่อง เรื่องที่ดีเราพร้อมจะสนับสนุน แต่กรณีนี้ฝ่ายรัฐบาลอย่ามาเล่นเกม เมื่อลงมติแล้วแพ้ก็ต้องยอมรับ ฝ่ายรัฐบาลต้องใจกว้างแล้วงานในสภาจะเดินหน้าไปด้วยดี การที่เป็นผู้คุมอำนาจพอมีอำนาจเยอะก็จะติด ตนคิดว่าการประชุมสภาครั้งหน้า นายวิรัช รัตนเศรษฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ควรถอนญัตติการนับคะแนนใหม่ออกจะสวยงามกว่า เพราะถ้าไม่ถอนฝ่ายค้านไม่เปลี่ยนจุดยืนแน่นอน แล้วสภาจะเดินต่อไปลำบาก ทั้งนี้ฝ่ายค้านไม่ใช่ผู้คุมเสียงแต่คือฝ่ายรัฐบาล การทำงานในสภาควรทำให้ไปร่วมกันได้ ไม่ใช่แต่เอาชนะกัน เราเห็นบทเรียนจากรัฐบาลในอดีตมาแล้วว่าการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้องในสภาเป็นอย่างไร