พบแล้ว! ร่างไกด์ท่องเที่ยวชาวรัสเซียที่ถูกแม่น้ำแควน้อยกลืนชีวิต สภาพศพใกล้ขึ้นอืดจมอยู่ในน้ำนานเกือบ 2 วัน หลังจมหายเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำมูลนิธิ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ เร่งออกค้นหาทั้งวันทั้งคืน จนกระทั่งพบศพลอยอยู่กลางแม่น้ำในเขตพื้นที่น้ำตกไทรโยคใหญ่ ห่างจากสะพานแขวนไปประมาณ 200 เมตร ห่างจากจุดที่จมหายไปประมาณ 5-6 กม.นำศพส่งสถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ เพื่อให้แพทย์ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตาย ก่อนจะมอบศพญาตินำกลับประเทศ
จากกรณีนายอริมเบย ไอแซท อายุ 26 ปี ไกด์ฝรั่งท่องเที่ยวสัญชาติรัสเซีย ที่นำลูกทัวร์สัญชาติเดียวกันเดินทางมาท่องเที่ยวที่ จ.กาญจนบุรี และแวะพักค้างคืนที่แพพักแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่บ้านดาวดึงส์ หมู่ 7 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยคฯ แล้วนายอริมเบย ไอแซท เกิดหายตัวไป จนกระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 29 ทางเจ้าของแพพักได้ไปเคาะประตูห้องพักเรียกเพื่อเช็คเอ้าส์ห้องพัก แต่ไม่พบตัวพบเพียงเสื้อผ้าวางอยู่บนเตียงนอน จึงออกติดตามค้นหา แต่ก็ไม่พบตัวนายอริมเบย ไอแซท
จึงเปิดกล้องวงจรปิดของทางแพดูพบว่า เวลา 01.00 น.ของคืนที่ผ่านมานายอริมเบย ไอแซท ได้สวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียวพุ่งหลาวกระโจนตัวลงไปในแม่น้ำแควน้ำ แล้วจมน้ำหายไป ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวทางเขื่อนวชิราลงกรณ์ฯ ได้ทำการพร่องเพื่อระบายน้ำออกจากเขื่อนฯ จึงทำให้กระแสน้ำไหลเชี่ยวเป็นอย่างมาก จึงทำให้ร่างของนายอริมเบย ถูกกระแสน้ำพัดพาจมน้ำหายไป
ซึ่งในเวลาต่อมา ร.ต.อ.อภิชัย พุ่มชัย รองสารวัตรสอบสวน สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดประดาน้ำชุดสายน้ำของมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ทำการออกติดตามลงงมค้นหาทั้งใต้น้ำและบนผิวน้ำทั้งวันทั้งคืน
จนกระทั่งเมื่อเวลา 16.10 น.ของวันที่ 30 พ.ย.62 ร.ต.อ.กสานต์ พารา รองสารวัตรสอบสวน สภ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำชุดสายน้ำของมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ชุดติดตามค้นหา ซึ่งร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยคฯ ที่ออกติดตามค้นหาร่างของนายอริมเบย ไอแซท ไกด์ท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ที่จมน้ำหายไป จนกระทั่งพบศพลอยอยู่กลางแม่น้ำแควน้อยใกล้ๆ กับบริเวณน้ำตกไทรโยคใหญ่ ห่างจากสะพานแขวนไปประมาณ 200 เมตร ห่างจากจุดที่จมน้ำหายไปที่บ้านดาวดึงส์ ประมาณ 5-6 กม.
หลังทราบเรื่องจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมประสานแพทย์เวร รพ.ไทรโยคฯ ให้มาร่วมชันสูตรพลิกศพพบว่า สภาพศพใกล้ขึ้นอืด สวมกางเกงขาสั้นสีดำเพียงตัวเดียวตามร่างกายไม่มีบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย จึงมอบศพให้มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ นำศพผู้ตายส่งสถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการตายอย่างละเอียด พร้อมแจ้งให้สถานฑูตรัสเซียประจำประเทศไทยทราบเรื่อง ก่อนจะส่งศพกลับประเทศเพื่อมอบให้ญาตินำศพไปดำเนินการตามพิธีการทางศาสนาต่อไป


