กระบี่ / รองนายกฯ ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์’ เป็นประธานงาน ‘วันที่อยู่อาศัยโลก’ ภาคใต้ที่ จ.กระบี่ มอบบ้านมั่นคงชนบทในที่ดินป่าชายเลน-บ้านพอเพียง รวม 2,420 ครัวเรือน พร้อมขยายผลแก้ไขปัญหาที่ดินป่าชายเลน-กรมเจ้าท่าทั่วประเทศเพื่อให้ชาวบ้านมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงตามนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของรัฐบาล
องค์การสหประชาชาติกำหนดให้วันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นวันที่อยู่อาศัยโลก เพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของประชาชน โดยในปีนี้วันที่อยู่อาศัยโลกตรงกับวันที่ 7 ตุลาคม สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ หรือ ‘พอช.’ ร่วมกับเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนทั่วประเทศจัดกิจกรรมเนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลกขึ้นในภูมิภาคต่างๆ ตลอดเดือนตุลาคม-พฤศจิกายนนี้ เพื่อรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของประชาชนที่มีรายได้น้อย และร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยจัดกิจกรรมที่กรุงเทพฯ ขอนแก่น เชียงราย เพชรบุรี สระแก้ว และภาคใต้ที่จังหวัดกระบี่
โดยในวันนี้ (25 พ.ย.) สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ร่วมกับขบวนเครือข่ายองค์กรชุมชนภาคใต้จัดงาน มหกรรมวันที่อยู่อาศัยโลกภาคใต้ “20 ปี พอช. พลังองค์กรชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ที่ชุมชนทับตะวัน เทศบาลตำบลแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ซึ่งเป็นชุมชนประมงพื้นบ้าน โดยมีรองนายกรัฐมนตรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายที่อยู่อาศัยแห่งชาติ เป็นประธานพิธีในงานดังกล่าว โดยมีนายสมควร ขันเงิน รองผู้ว่า จ.กระบี่ ผู้บริหารสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ผู้แทนหน่วยงานต่างๆ และผู้แทนเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนในภาคใต้เข้าร่วมงานประมาณ 500คน
ทั้งนี้นายจุรินทร์ได้มอบงบประมาณโครงการบ้านมั่นคงชนบทในที่ดินป่าชายเลน ในเขตเทศบาลตำบลแหลมสัก 3 ชุมชน จำนวน 390 ครัวเรือน งบประมาณ 16 ล้านบาทเศษ มอบบ้านที่ซ่อม-สร้างเสร็จแล้ว 217 หลัง และมอบบ้านพอเพียงชนบทภาคใต้ ปี 2562 (สนับสนุนการซ่อมสร้างบ้านครัวเรือนที่ยากจนสภาพทรุดโทรมทั่วประเทศไม่เกินครัวเรือนละ 18,000 บาท) จำนวน 2,203 ครัวเรือน งบประมาณรวม 41 ล้านบาทเศษ รวมมอบบ้านทั้งหมด 2,420 ครัวเรือน
นอกจากนี้ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ เช่น นิทรรศการกระบวนการทำงานของเครือข่ายขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดกระบี่ ปฏิบัติการลงมือ “สร้างบ้าน สร้างชุมชน 3 วันเสร็จ 7 วันอยู่” เวทีเสวนา “สร้างบ้าน สร้างชุมชน โดยทุกคนร่วมกันสร้าง” ตลาดนัดแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การจำหน่ายและจัดแสดงผลิตภัณฑ์สินค้าจากชุมชน ฯลฯ
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยของประชาชนที่มีรายได้น้อยของรัฐบาลว่า รัฐบาลมีแม่บทการพัฒนาที่อยู่อาศัยระยะ 20 ปี โดยให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ดำเนินการ มีแผนงานตั้งแต่ปี 2560-2579 รวม 1.2 ล้านครัวเรือน ขณะนี้สร้างบ้านมั่นคง-บ้านพอเพียงทั่วประเทศแล้วประมาณ 1 แสนครัวเรือน เพื่อให้พี่น้องมีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย มีงบสนับสนุนการพัฒนาเรื่องสาธารณูปโภค มีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาว เพื่อให้มาสร้างบ้าน และร่วมกันพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็ง
“ส่วนพี่น้องที่อยู่อาศัยในป่าชายเลน ซึ่งเดิมเป็นการอยู่อาศัยที่ไม่ถูกกฎหมาย รัฐบาลก็จะรับรองให้พี่น้องอยู่อาศัยโดยถูกกฎหมาย เช่น พี่น้องชาวประมงที่แหลมสัก และช่วยเป็นชนกัน ไม่ให้มีการบุกรุกป่าชายเลนเพิ่ม และต้องช่วยกันดูแลรักษาป่า ช่วยกันปลูกป่าชายเลน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ทั่วประเทศ เพื่อให้พี่น้องที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนดั้งเดิมอยู่อาศัยได้อย่างถูกกฎหมาย แต่จะต้องไม่บุกรุกป่าเพิ่มเติม” รองนายกฯ กล่าว
นายปฏิภาณ จุมผา ผู้อำนวยการสำนักงานภาคใต้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า ชุมชนชาวประมงพื้นบ้านในเขตเทศบาลตำบลแหลมสัก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ มี 3 ชุมชน คือ ชุมชนทรายทอง ชุมชนแหลมทอง และชุมชนทับตะวัน มีปัญหาความไม่มั่นคงเรื่องที่ดินที่อยู่อาศัยเนื่องจากปลูกสร้างบ้านในที่ดินป่าชายเลนและบางส่วนอยู่ในที่ดินของกรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เมื่อรัฐบาลมีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความมั่นคงในที่ดินที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนที่อยู่อาศัยในที่ดินป่าชายเลนมาก่อนปี 2534 ให้อยู่อาศัยได้โดยถูกต้อง สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ จึงสนับสนุนให้ชาวชุมชนรวมกลุ่มแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2559 มีการแต่งตั้งคณะทำงานที่มาจากชาวบ้าน เริ่มจากการสำรวจข้อมูลพื้นฐานต่างๆ ในชุมชน
จากการสำรวจข้อมูลพบว่า มีผู้เดือดร้อนเรื่องที่อยู่อาศัยทั้งหมด 427 ครัวเรือน แยกเป็น อยู่ในเขตที่ดินป่าชายเลน 358 ครัวเรือน อยู่ในเขตที่ดินของกรมเจ้าท่า 65 ครัวเรือน และอยู่ในที่ดินเอกชน 4 ครัวเรือน ที่อยู่อาศัยมีสภาพแออัด ชำรุดทรุดโทรม นอกจากนั้นยังมีสภาพปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ปัญหาขยะ น้ำเสีย ไม่มีระบบการบำบัดจากครัวเรือน ปัญหาเรื่องสาธารณูปโภค เช่น ถนน สะพานชำรุด ฯลฯ โดย พอช.สนับสนุนงบประมาณซ่อมสร้างบ้านหลังละ 40,000 บาท (ไม่รวมงบประมาณด้านสาธารณูปโภคส่วนกลาง)
สร้างกองทุนที่อยู่อาศัย-ร่วมกันซ่อมสร้างบ้าน ‘3 วันเสร็จ 7 วันอยู่’
นายก้อเฉม ดีเดช ผู้นำชุมชน กล่าวว่า เงินที่ พอช.สนับสนุนครัวเรือนละ 40,000 บาท ชาวชุมชนตกลงกันว่า จะให้ครอบครัวที่ได้รับการช่วยเหลือชำระเงินคืนเพื่อนำเงินมาเข้ากองทุนที่อยู่อาศัย เพื่อให้กองทุนเกิดความยั่งยืน สามารถช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนรายอื่นได้ โดยให้ชำระคืนเดือนละ 100 บาทต่อจำนวนเงิน 10,000 บาท เช่น หากได้รับการสนับสนุน 40,000 บาท จะต้องคืนเงินเข้ากองทุนเดือนละ 400 บาท จนกว่าจะครบตามจำนวนเงินที่ได้รับการสนับสนุน
“ส่วนการซ่อมสร้างบ้านนั้น ชาวบ้านจะใช้วิธีการลงแรงช่วยกัน และมีช่างอาสาที่เป็นช่างชุมชนจากจังหวัดต่างๆ ในภาคใต้ที่หมุนเวียนมาช่วยกันสร้างบ้านประมาณ 50 คน ทำให้ซ่อมสร้างบ้านได้เร็ว 3 วันเสร็จ 7 วันเข้าอยู่ได้ นอกจากนี้ชุมชนยังร่วมกันสร้างบ้านให้ผู้ด้อยโอกาสในชุมชน เช่น ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ไม่มีรายได้ ไม่มีลูกหลานดูแล งบประมาณสร้างบ้านหลังละ 40,000-60,000 บาท โดยชาวชุมชนจะช่วยกันลงแรงก่อสร้างบ้าน ใช้งบประมาณจากโครงการบ้านมั่นคงชนบทที่ พอช.สนับสนุน ขณะนี้สร้างบ้านให้ผู้ด้อยโอกาสในชุมชนแล้ว 6 หลัง
ปัจจุบัน (พฤศจิกายน 2562) พอช.สนับสนุนการซ่อมสร้างบ้านในชุมชนชาวประมงแหลมสัก 3 ชุมชน รวม 390 ครัวเรือน งบประมาณรวม 16 ล้านบาทเศษ ซ่อมสร้างบ้านเสร็จแล้วจำนวน 183 ครัวเรือน อยู่ระหว่างดำเนินการ 34 ครัวเรือน ขณะที่ชาวชุมชนที่รวมกลุ่มกันจัดตั้งกลุ่มออมทรัพย์และกองทุนเพื่อที่อยู่อาศัยมีเงินออมรวมกัน (3 ชุมชน) ประมาณ 443,000 บาท
เตรียมขยายผลการแก้ไขปัญหาที่ดินป่าชายเลนทั่วประเทศ
นายธีรพล สุวรรณรุ่งเรือง รองผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ กล่าวว่า นอกจากการแก้ไขปัญหาที่ดินและที่อยู่อาศัยของชุมชนชาวประมงแหลมสักในขณะนี้แล้ว พอช.ยังสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่ดินและที่อยู่อาศัยในเขตป่าชายเลนและกรมเจ้าท่า ในพื้นที่อื่นๆ ในภาคใต้ 9 จังหวัด รวม 56 ชุมชน ทำให้เกิดพื้นที่รูปธรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยในพื้นที่ป่าชายเลนและพื้นที่ของกรมเจ้าท่า พอช.กับขบวนองค์กรชุมชนภาคใต้จึงจัดงานวันที่อยู่อาศัยโลกที่ชุมชนชาวประมงแหลมสัก มีเป้าหมายเพื่อเปิดพื้นที่ต่อสาธารณะ และแสดงรูปธรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ป่าชายเลนและกรมเจ้าท่า
“การแก้ไขปัญหาที่ดินที่อยู่อาศัยที่ชุมชนประมงแหลมสักจะเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ เช่น กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนหน่วยงานในท้องถิ่น ทั้งระดับจังหวัดและเทศบาล รวมทั้งบทบาทของ พอช. และขบวนองค์กรชุมชน ที่ได้ร่วมกันสร้างความมั่นคงในที่ดินทำกินและการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการดูแลอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่จะทำให้คนไทยทุกคนมีที่อยู่อาศัยถ้วนทั่วและมีคุณภาพชีวิตที่ดีภายในปี 2579 โดย พอช.จะร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และพี่น้องขบวนองค์กรชุมชนขยายผลไปสู่การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศต่อไป” รอง ผอ.พอช.กล่าว