วันที่ 24 พ.ย.62 น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวสายทหาร หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุข้อความว่า...อันตราย!! ยกเลิกเกณฑ์ทหาร “นายพลทัพฟ้า” ฉะ แนวคิด ยกเลิกเกณฑ์ทหาร เป็นอันตรายต่อชาติ....หากใช้ระบบสมัครใจ แล้ววันหนึ่ง ไม่มีคนอยากสมัคร หรือสมัครน้อย ไม่มีกำลังทหาร จะทำอย่างไร....ชี้เดิม เป็นระบบเท่าเทียม ไม่ใช่คนรวย ไม่ต้องเป็นทหาร คนจนเท่านั้นที่ต้องเป็น ระบุ กองทัพต้องการ สร้างทหารที่แข็งแกร่งใน 24 เดิอน. เผยที่ผ่านมา สมัคร เป็นแค่6เดือน-12เดือน แล้วแต่วุฒิการศึกษา ชี้ การเกณฑ์ทหาร เป็นการสร้าง “เม็ดเลือดขาว” ของร่างกาย ระบุ มันเป็น วิทยาศาสตร์ ประชาชน เป็น”เม็ดเลือดแดง” .ชี้ ต้องถูกสร้างมาโดยไขกระดูก คือ กองทัพ “เสืออากาศ 24/7” นายทหารอากาศระดับนายพฃ คนสำคัญของ ทอ. เขียนบทความ เรื่อง “ต่อต้านการเป็นทหาร” ว่า “ต่อต้านการเป็นทหาร” เท่ากับ ไม่รู้เรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติ “ต่อต้านการเป็นทหาร” เท่ากับ นำพาสังคมสู่ความหายนะ โลก โลกเกิดขึ้นมาด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ โลกจึงถูกห้อมล้อมไปด้วยวิทยาศาสตร์ ทุกสรรพสิ่งบนโลกล้วนเป็นวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น มิอาจปฏิเสธข้อเท็จจริงข้อนี้ได้ ดังนั้น ในความเป็นวิทยาศาสตร์จึงเกิดเป็นปรากฎการณ์ดังนี้ประเทศไทย(และทุกประเทศ)เป็นวิทยาศาสตร์ สังคมไทย ก็เป็นวิทยาศาสตร์ คนไทยเช่นกัน ก็เป็นวิทยาศาสตร์ คนไทย คนไทยคือมนุษย์เผ่าพันธุ์ที่กำเนิดและอาศัยใช้ชีวิตอย่างสอดคล้องบนดินแดนสุวรรณภูมิที่มันทั้งหมดถือเป็นระบบวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติที่ลงตัว สังคมไทยจึงต้องเป็นสังคมเชิงวิทยาศาสตร์ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ เปรียบเทียบ “ประชาชนทุกคน คือ ทหาร” “ทหารในเครื่องแบบทุกคน มาจาก ประชาชน” “ทหาร เป็นเสมือน เม็ดเลือดขาว ประชาชน(พลเมือง)ทุกสาขาอาชีพ เป็นเสมือน เม็ดเลือดแดง “เม็ดเลือดขาว” กับ “เม็ดเลือดแดง” ต่างล้วนเกิดมาจากไขกระดูกจากบรรดากระดูกทั้งหลายที่กระจายตัวอยู่เกือบทั่วทั้งร่างกาย ปรากฏการณ์ธรรมชาติของร่างกายมนุษย์เป็นเช่นนี้ "ไขกระดูก" นั้นเปรียบเสมือนได้กับเป็น “กองทัพ กับเป็นหน่วยทหารที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ” กองทัพ(ทั้ง3เหล่าทัพ : บก-เรือ-อากาศ) กับหน่วยทหารของมันที่กระจายอยู่ทั่วประเทศก็ถือว่าเป็น “แหล่งผลิต” - “ทหารอาชีพ” กับเป็น “แหล่งผลิต” - “ประชาชน(พลเมืองดี)” ตามหลักวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาตินั่นเองมันเป็นวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติของมนุษย์ที่มนุษย์ทุกคน(คนไทยทุกคน :นักการเมืองไทย/นักปกครองไทย-ข้าราชการไทย -คนไทยทั้งชาติ)ต้องเข้าใจให้ได้อย่างลึกซึ้ง “ต่อต้านการเป็นทหาร” แท้จริงแล้ว มันเป็นเพียงเรื่องราวของคนไทยกลุ่มหนึ่ง ผู้ไม่รู้ไม่เข้าใจในวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติแม้แต่น้อย เท่านั้น การไม่รู้เรื่องราวในทางวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติกรณี ทหารอาชีพ/เม็ดเลือดขาว-ทหารกองประจำการ/ประชาชน(พลเมืองดี)/เม็ดเลือดแดง ที่มันต้องถูกผลิตขึ้นโดยกองทัพ หมายถึงว่า ก็มิได้รู้-ไม่เข้าใจเกี่ยวกับสังคม(ไทย)ที่มันเป็นวิทยาศาสตร์ไปโดยปริยายด้วย ความไม่รู้/ความไม่เข้าใจในความเป็นวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยบนบริบทที่ซับซ้อนของมัน แต่ทว่าประเทศไทยในเชิงวิทยาศาสตร์กลับต้องถูกนำพาโดย กลุ่มคนผู้ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติ จึงเกิดผลกระทบทางความมั่นคง มีขึ้นตามมา ประเทศไทยที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันจึงตกอยู่ในสภาพขาดแคลนวิทยาศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง บุคคล(คนไทยบางคน)และ/หรือกลุ่มคนไทยบางกลุ่มที่ไม่รู้เรื่อง/ไม่เข้าใจวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาตินั้นถือเป็นชนวนเหตุสำคัญของความล่มสลายของสังคม(ไทย)-เป็นชนวนเหตุสำคัญของความล่มสลายของประเทศ(ไทย) อย่างมิอาจปฏิเสธได้ หลักความจริงของวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติมันเป็นเช่นนั้น “ต่อต้านการเป็นทหาร” มันถือเป็นปรากฎการณ์ที่ขัดแย้งกับวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติโดยสิ้นเชิง“ต่อต้านการเป็นทหาร” มันจึงเป็นปรากฎการณ์ที่ทำให้สังคมไทย-ทำให้ชาติบ้านเมืองไทยก้าวไปสู่สภาวะล่มสลาย ในจังหวะ แต่ละก้าวทีละเล็กทีละน้อยระบบการเป็นทหาร A ระบบทหารอาชีพ การสร้างเม็ดเลือดขาว การสร้างทหารอาชีพโดยกองทัพ/โดยหน่วยทหาร”“ทหารอาชีพทุกคนล้วนมาจากประชาชน”ระบบทหารอาชีพนั้นถือเป็นระบบที่เป็นมาตรฐานและมีประสิทธิภาพยิ่ง มันเปรียบเสมือน เม็ดเลือดขาว ที่มีความแข็งแกร่งที่ถูกสร้างมาจากไขกระดูกของร่างกายของตนเองนั่นเอง ทหารอาชีพจากสถาบันหลักทางทหารของประเทศไทย ดังนี้ จากสถาบันการศึกษาพื้นฐาน: รร.นายร้อย รร.นายเรือ รร.นายเรืออากาศ โรงเรียนนายสิบ-โรงเรียนชุมพล-โรงเรียนจ่าอากาศ..... จากสถาบันการศึกษาชั้นสูงทางทหาร : วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร วิทยาลัยการทัพของทุกเหล่าทัพ โรงเรียนเสนาธิการเหล่าทัพ โรงเรียนชั้นนายพัน/ผู้บังคับฝูง โรงเรียนชั้นผู้บังคับหมวด โรงเรียนชั้นประทวนในหลายๆระดับเม็ดเลือดขาวของไทย อันหมายถึงทหารไทยจึงถือเป็นทหารหาญผู้มีความแข็งแกร่งยิ่ง-กล้าหาญยิ่ง B ระบบทหารกองประจำการ/ประชาชน(พลเมืองดี)การสร้างเม็ดเลือดแดง การสร้างทหารกองประจำการ(สร้างประชาชน/พลเมืองดี)โดยกองทัพ/โดยหน่วยทหาร” “ทหารประจำการทุกคนล้วนก็มาจากประชาชน(พลเมืองดี)” ระบบทหารกองประจำการของประเทศไทยอันเสมือนเป็นการสร้างเม็ดเลือดแดง มาจากไขกระดูกของร่างกายนั้นถึงปัจจุบันถือว่ามันตกอยู่ในสภาพผิดพลาดบกพร่องมานาน -ทหารกองประจำการ6 เดือน -ทหารกองประจำการ12เดือน ประชาชน(พลเมืองดี)ผู้เคยถูกเกณฑ์ให้มาเป็นทหารฯรับใช้ชาติภายใต้การสร้างโดยกองทัพ/โดยหน่วยทหารมาจนถึงปัจจุบันนั้นถูกสร้างขึ้นมาในระยะเวลาสั้นเกินไป (6-12เดือนเท่านั้น) ทหารฯอันหมายถึงประชาชน(พลเมืองดี)แท้จริงแล้วสมควรจะต้องถูกสร้างในระยะเวลา2ปีเต็มเป็นอย่างน้อยให้กลายเป็นคนมีวินัย-มีความรับผิดชอบต่อตนเอง/ต่อส่วนรวมก่อนที่จะออก/กลับไปใช้ชีวิตเป็นประชาชน(พลเมืองดี)ในตลอดทั้งชีวิต เม็ดเลือดแดงเหล่านี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องถูกสร้างมาโดยไขกระดูก(โดยกองทัพ/โดยหน่วยทหาร)บนระยะเวลา24เดือนเต็มโดยไม่มีข้อยกเว้น (ในการนี้ ประเทศไทยจำเป็นต้องแก้กฎหมาย/พ.ร.บ.ฯ2497)เพื่อให้ชายไทยทุกคนต้องเข้ามารับใช้ชาติทำหน้าที่เป็นทหารฯระยะเวลานาน24เดือนโดยไม่มีข้อยกเว้น) ทหารกองประจำการบนระยะเวลา24เดือนสามารถถูกสร้างให้เป็นคนมีวินัย/ถูกสร้างให้เป็นคนมีวิชาชีพติดตัว(วิศวกรรม-การปกครอง)โดยถูกสร้างขึ้นในกองทัพ/ในหน่วยทหารในทั่วทั้งประเทศซึ่งก็เสมือนกับการสร้างเม็ดเลือดแดงจากไขกระดูกในข้อเปรียบเทียบในเชิงวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาตินั่นเอง เม็ดเลือดแดงที่ไม่ได้ถูกสร้างมาจากไขกระดูก เสมือนกับว่าเป็นประชาชน(พลเมือง)ที่มิได้ถูกสร้างมาจากกองทัพ/มาจากหน่วยทหาร มันอาจเปรียบเทียบได้เหมือนกับว่าเป็นการนำเม็ดเลือดแดงจากนอกร่างกายมาใส่ไว้ให้อยู่ในร่างกาย มันอาจเกิดปฏิกิริยาต่อต้านตามมา (ซึ่งข้อเท็จจริงในประเทศไทยในปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น) มันปราศจากความแข็งแกร่ง มันจึงปราศจากคุณค่า มันหมายถึงความปราศจากเสียซึ่งภูมิคุ้มกันนั่นเอง ประเทศไทยนับแต่ได้มีการบัญญัติและประกาศใช้กฎหมาย/พ.ร.บ.ฯ ว่าด้วยการเกณฑ์ทหารฯแล้วก็ทำให้ประเทศไทยอยู่ในสภาพอ่อนแอลงเรื่อยมา –ทำให้สังคมไทยอ่อนแอลงเรื่อยมา สังคมไทยกลายเป็นสังคมไร้วินัยอย่างน่าเสียดายแม้ว่าชนชาติไทยดั้งเดิมนั้นจะ(เคย)เป็นชนชาติผู้มีวินัย -เป็นนักสู้ที่อาจหาญยิ่ง/ที่กล้าหาญยิ่งก็ตาม ประเทศไทยนับแต่ได้บัญญัติและประกาศใช้กฎหมาย/พ.ร.บ.ฯ ว่าด้วยการเกณฑ์ทหารฯ แล้วนั้นก็ทำให้สังคมไทยเกิดความเหลื่อมล้ำ ชายไทยหลายคนไม่ต้องเป็นทหาร(สามารถหลีกเลี่ยงการเป็นทหารฯได้โดยมีกฎหมายเป็นเครื่องมือ) ชายไทยส่วนหนึ่งสามารถเป็นทหารเพียงแค่6เดือนก็ได้ ชายไทยส่วนหนึ่งสามารถเป็นทหารระยะเวลาเพียง12เดือนก็ได้ โดยที่ชายไทยอีกส่วนหนึ่งต้องเป็นทหาร24เดือนหรือ2ปีเต็ม กฎหมายฉบับนี้มันก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมขึ้นในสังคมไทย มันสร้างความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายแบ่งความคิดในสังคม ทั้งนี้ ความขัดแย้งในหมู่ชายไทยก็ได้มีเกิดขึ้นตามมา (กฎหมาย/พ.ร.บ.ฯฉบับนี้ถูกบัญญัติออกมาโดยนัยสำคัญให้เป็นเครื่องมือเอื้ออำนวยแก่บรรดาบุตรหลาน(ผู้มีการศึกษา)ของบรรดานักการเมือง/ของผู้มีอำนาจอิทธิพลในยุคสมัยนั้นโดยวัตถุประสงค์ของมันคือมิให้บรรดาบุตรหลานของเขาเหล่านั้นต้องออกไปทำการรบ/ไปต่อสู้กับคอมมิวนิสต์อันเป็นการกระทำที่เป็นอันตรายยิ่งต่อชีวิต จะมีก็แต่ลูกหลานชาวไร่ชาวนาผู้มิได้มีความรู้/มิได้มีการศึกษามากนักซึ่งถือว่าเป็นกลุ่มคนผู้ด้อยโอกาสก็มีอันต้องถูกบังคับให้ไปเป็นทหารฯรับใช้ชาติในภารกิจที่เสี่ยงชีวิต ปรากฏการณ์เช่นนี้แท้จริงแล้วก็คือการเอาเปรียบสังคมกับการสร้างความไม่เป็นธรรม/กับความเหลื่อมล้ำขึ้นในสังคมไทยโดยกฎหมายฉบับนี้นั่นเอง ปัจจุบันมันยังคงติดอยู่กับประเทศไทยมาจนถึงทุกวันนี้) ความน่ากังวลที่เกิดขึ้นตามมาในสังคมไทย/ในประเทศไทย คือ ชายไทยปัจจุบันละเลยการเป็นทหารฯ ชายไทยจำนวนไม่น้อย “วิ่งเข้าวัด” หวังพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้จับโดน “ใบดำ” เพื่อมิให้ต้องไปเป็นทหารฯ มันสื่อถึงว่าภูมิคุ้มกันของประเทศไทย/ของสังคมไทยได้ล่มสลายลงจนเป็นที่ประจักษ์แล้ว แถมว่า ....คนไทยกลุ่มหนึ่ง:นักการเมืองไทยกลุ่มหนึ่ง/นักปกครองไทยกลุ่มหนึ่ง-ข้าราชการไทยกลุ่มหนึ่งกำลังคิดกันว่าจะกระทำทุกวิถีทาง มิให้ชายไทยทุกคนต้องไปเป็นทหารฯ คนกลุ่มนี้นิยมส่งเสริมให้ผู้ทำหน้าที่ทหารฯมาจากการเข้าสมัครเท่านั้น จะไม่เกณฑ์ทหารอีกต่อไป การคิดเช่นนี้คือการคิดที่เป็นหายนะยิ่งต่อชาติบ้านเมือง วันใดวันหนึ่งข้างหน้า ประเทศไทยอาจจะไม่มีทหารฯหลงเหลือ ถึงจุดนั้นชายไทยทั้งชาติ/ประชาชนคนไทยผู้เป็นเพศชายอาจจะเป็นประชาชนผู้ขาดวินัย-ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมโดยสิ้นเชิงก็ว่าได้ เนื่องจากว่าไม่มีประชาชนคนใดผ่านการสร้างวินัย-ผ่านการสร้างความรับผิดชอบจากกองทัพอีกต่อไป ไม่มีใครผ่านการฝึกทหารมาจากกองทัพ/จากหน่วยทหารอีกต่อไป เสมือนว่า บรรดาเม็ดเลือดแดงของทั้งร่างกายมิได้ถูกผลิตมาจากไขกระดูกของตนเอง ปรากฎการณ์ที่กล่าวข้างต้นคือผลผลิตที่เป็นผลพวงมาจากวิธีคิดของกลุ่มคนผู้ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาตินั่นเองการคิดที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ถือเป็นอันตรายยิ่งต่อชาติบ้านเมือง การต่อต้านการเป็นทหารในประเทศไทยในประเทศไทยในขณะเวลานี้แท้จริงก็คือ ผลผลิตของความคิดที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาติอันถือเป็นอันตรายยิ่งต่อชาติบ้านเมือง