นับตั้งแต่ช่วงต้นรัชสมัยรัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเสด็จพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ไปทรงเยี่ยมราษฎรในทุกภูมิภาค ได้ทอดพระเนตรเห็นงานหัตถกรรมจากภูมิปัญญาของราษฎรที่เป็นชาวนาชาวไร่ในหลายหมู่บ้านหลายพื้นที่ในชนบท ทรงเล็งเห็นและทรงชื่นชมฝีมือช่างและนิสัยรักศิลปะของชาวไทย เป็นที่มาของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพ ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งขึ้น เมื่อปี 2519 ทรงส่งเสริมให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมจากการทํางานหัตถกรรม โดยไม่ทิ้งอาชีพเกษตรกรรม ขณะเดียวกัน เพื่อธำรงรักษางานศิลปะที่เกือบจะสูญหายไปกับกาลเวลา บุษบกมาลา ตรีพิธพรรณบุษบก ต่อมาทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้ง โรงฝึกศิลปาชีพ สวนจิตรลดา ขึ้นในปี 2521 พระราชทานพระราชวโรกาสให้สมาชิกในครอบครัวชาวนาชาวไร่ ที่ยากจนมาฝึกอบรมงานศิลปาชีพแขนงต่างๆ เพื่อเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ อีกทั้งเป็นการสืบสานศิลปะชั้นสูงของไทยด้วย และเมื่อวันที่ 21 กันยายน พุทธศักราช 2553 รัฐบาลได้ประกาศยกสถานะ โรงฝึกศิลปาชีพ สวนจิตรลดา ขึ้นเป็น "สถาบันสิริกิติ์" ด้วยเล็งเห็นถึงศักยภาพของหน่วยงานที่สร้างสรรค์ผลงานก่อให้ เกิดคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติอย่างยั่งยืนในหลายมิติ และเพื่อเฉลิมพระเกียรติ โอกาสมหามงคล ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในพุทธศักราช 2555 ฉากจำหลักไม้เรื่องสังข์ทอง ท่านผู้หญิงสุภรภ์เพ็ญ หลวงเทพนิมิต ปฏิบัติหน้าที่รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จ-พระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลา 40 ปี โรงฝึกศิลปาชีพ สวนจิตรลดาได้สร้างสรรค์บุคลากรและผลงาน ประณีตศิลป์ชั้นสูง รวม 23 สาขา ได้พัฒนาช่างศิลป์สู่ระดับฝีมือช่างหลวงแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และยังคงยึดมั่น ในพระราชประสงค์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่จะทําหน้าที่เป็นศูนย์กลางงานช่างช่วยสร้างชีวิตที่ดีขึ้นให้แก่ราษฎร ควบคู่ไปกับการดํารงรักษามรดกศิลป์ไทย” ขันถมทองลายมงคล 108 พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ต.เกาะเกิด อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา สถานที่จัดแสดงผลงานชิ้นเอกฝีมือ ช่างสถาบันสิริกิติ์ ที่มีความงดงามทรงคุณค่า และได้เคยจัดแสดงต่อสายตาชาวไทยและชาวต่างชาติ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม วันนี้ได้กลับมาจัดแสดงอีกครั้งในพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดินแห่งนี้ เช่น บุษบกมาลา พระที่นั่งพุดตานถมทอง เรือพระที่นั่งศรีสุพรรณหงส์จำลอง ฉากไม้แกะสลัก เรื่องสังข์ทอง ฉากผ้าปักเรื่องอิเหนา ฯลฯ ผลงานแต่ละชิ้นนับเป็นงานศิลป์ชั้นสูง ไม่ว่าจะเป็นงานถมทอง งานคร่ำ งานเครื่องเงินเครื่องทอง งานลงยาสี งานปักผ้า งานแกะสลักไม้ งานแต่งปีกแมลงทับ ฯลฯ งานแต่ละชิ้นใช้ช่างฝีมือที่ร่วมแรงร่วมใจกันนับสิบๆ คน เพื่อทำงานชิ้นเอกถวาย ในโอกาสสำคัญ โดยใช้ระยะเวลาเป็นปีๆ กว่าจะได้ออกมาเป็นผลงานระดับ “ศิลป์แผ่นดิน” ที่ล้วนสวยงามหาชมยาก ฉากถมทอง เรื่อง รามเกียรติ์ เมื่อเข้ามาภายในอาคารบริการนักท่องเที่ยว ความสง่างามและโดดเด่นของฉากจำหลักไม้ตำนานเพชรรัตน์ จะตั้งตระหง่านคอยต้อนรับผู้เข้าชม และยังเป็นจุดถ่ายภาพ Check – in อีกด้วย ผลงานเอกชิ้นนี้เป็น Highlight ที่จะนำไปสู่ความวิจิตรอลังการของพิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ด้วยฉากจำหลักไม้นี้ตั้งประกบด้วย เสาเม็ดทรงมัณฑ์บนม้าไม้ขาคู้ จำหลักลายใบเทศพื้นฉากจำหลักไม้ ว่าด้วยเรื่อง ตำนานเพชรรัตน์ ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับเทวดา ฤๅษี และคนธรรพ์ (เทพที่รับใช้เทวดา) พากันไปเข้าเฝ้าพระอิศวร เพื่อทูลถามถึงบ่อเกิดของแก้วเพชรรัตน์ทั้ง 9 ประการ สุพรรณเภตรา ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ จัดเป็นหมวดหมู่อย่างงดงาม บนพื้นที่กว้างขวางน่าชม พร้อมเทคโนโลยีเครื่องบรรยายส่วนตัว (Audio Guide) มีให้เลือกถึง 10 ภาษา พร้อมจอบรรยายและจอทัชสกรีนแสดงส่วนต่างๆ ของชิ้นงานขนาดใหญ่อย่างเจาะลึก บริเวณโถงทางเข้าพิพิธภัณฑ์ฯ ต้อนรับด้วยห้องปีกแมลงทับ สีเขียวเหลือบรุ้งอันวิจิตร สวยงามตระการตา ทั้งโคมระย้าขนาดยักษ์สุดอลังการ ผนังขนาดใหญ่ตกแต่งด้วยงานสานย่านลิเภาสอดปีกแมลงทับสุดละเอียดอ่อน เรือพระที่นั่งมงคลสุบรรณจำลอง ตามด้วยห้องนิทรรศการใหญ่ ที่จัดแสดงงานฝีมือเครื่องเงินเครื่องทอง ลงยาสี หมู่เรือพระที่นั่งจำลองจากขบวนเรือพระราชพิธี ประกอบด้วย เรือพระที่นั่งศรีสุพรรณหงศ์ เรือพระที่นั่งมงคลสุบรรณ และเรือพระที่นั่งศรีประภัศรไชย ที่กลางลำเรือประดิษฐานบุษบกทองคำ ประกอบฉัตร เรียงรายอย่างสง่างาม และต้องตื่นตาตื่นใจกับฉากไม้แกะสลักเรื่องสังข์ทองและหิมพานต์ ที่ตั้งตระหง่านตระการตา ก่อนที่จะขึ้นไป ชมงานต่อไป บนชั้นสอง สร้างความตื่นตาด้วยฉากถมทองขนาดใหญ่สีทองอร่าม เรื่องรามเกียรติ์บทพระราชนิพนธ์ใน สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย วรรณคดีสำคัญที่ถ่ายทอดผ่านงานถมทองในรูปแบบสามมิติ อันเป็นศิลปะโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และบุษบกมาลาจำลองแบบจากพระที่นั่งบุษบกมาลามหาจักรพรรดิพิมาน ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ ที่ผสมผสานงานฝีมือจากช่างถึง 7 แผนก อันได้แก่ แกะสลักไม้ เครื่องเงินเครื่องทอง ช่างถมทอง ช่างคร่ำ งานตกแต่งปีกแมลงทับ และงานย่านลิเภา ฉากปักไหมน้อย ป่าหิมพานต์ ขณะที่ฉากขนาดใหญ่ 2 ด้าน เป็นงานปักเส้นไหมด้วยวิธีโบราณ ที่เรียกว่า “ปักซอย” โดยใช้เส้นไหมน้อยหรือเส้นที่เล็กที่สุดของรังไหม ค่อยๆ ปักไล่ระดับและแสงเงา ให้เกิดเป็นภาพที่มีมิติงดงาม ดูราวเป็นภาพวาดที่ให้แสงเงาไม่ธรรมดา ประดับด้วยดิ้นทองเลื่อมระยิบและแก้ว ด้านหนึ่งเล่าเรื่อง หิมพานต์ อีกด้านถอดความจากวรรณคดีเรื่อง อิเหนา สัปคับถมทอง นิทรรศการบนชั้น 2 ยังจัดแสดงพระที่นั่งจำลองหลายองค์ เช่น พระที่นั่งพุดตานถมทอง สร้างจำลองแบบพระที่นั่งพุดตานจำหลักไม้วังหน้า และพระที่นั่งพุดตานคร่ำทอง สร้างจำลองแบบพระที่นั่งพุดตานจำหลักไม้ที่พระบรมมหราชวัง เป็นต้น ของที่ระลึก นอกจากจะได้ชื่นชมความงามของผลงานชิ้นเอกแล้วยังมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกที่รวบรวมผลิตภัณฑ์ ของสถาบันสิริกิติ์ มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาฯ ร้านภูฟ้า โครงการกำลังใจฯ มูลนิธิจุฬาภรณ์ถักร้อยสร้อยรัก และพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ที่เหมาะเป็นของขวัญที่ถูกใจของคนทุกวัย ในเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ร้านขนมและร้านกาแฟ ที่นี่ยังมี ร้านขนม ซึ่งมีขนมไทยที่หาทานได้ยาก โดยเลือกสรรมาจากที่ที่มีความชำนาญในการทำ อย่างเช่น ข้าวตังน้ำปลา ข้าวเม่าหมี่ ข้าวตังโบราณแผ่นบางเฉียบอบกรอบด้วยข้าวหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รี่ ส่วนขนมหวานจากวิทยาลัยในวังหญิง เช่น โสมนัส ทองเอก พุทราลิ้ม ตะลิงปลิงแช่อิ่มก็มีความพิเศษในรสชาติเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนกับที่อื่น นอกจากนี้ยังมี ขนมอาลัว กลีบลำดวน สัมปันนี วุ้นกรอบย้อมสีธรรมชาติจากดอกอัญชันและดอกกุหลาบ ทั้งยังมีเจลลี่รสผลไม้ในรูปแบบดอกไม้สีสวยสดใส ส่วนผู้ที่ชื่นชอบขนมเค้กก็จะมีเค้กมะตูม และเค้กอื่นๆ อีกหลายชนิดมารวมจำหน่ายให้เลือกชิมพร้อมจิบกาแฟในร้านตรงข้ามระหว่างชื่นชมธรรมชาติและบรรยากาศรอบกายใน สไตล์ Museum in the Forest พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ตำบลเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเปิดทำการใน วันอังคาร-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 10.00-15.30 น. (เปิดจำหน่ายบัตร 9.45-15.00 น.) หยุดทุกวันจันทร์ เทศกาลปีใหม่และสงกรานต์ ค่าบัตรเข้าชม ผู้ใหญ่ท่านละ 150 บาท นักเรียน/นักศึกษา/ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปท่านละ 75 บาท ชาวต่างชาติใช้บัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังหรือซื้อหน้าพิพิธภัณฑ์ฯ เดินทางง่ายเพียง 45นาที จากกรุงเทพฯ ด้วยทางด่วนแจ้งวัฒนะ บางปะอิน