ผศ.ดร.ธีรพันธ์ อรธรรมรัตน์ นักวิจัยชุดโครงการลดภัยพิบัติแผ่นดินไหวในประเทศไทย สกสว. จากมหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่าแผ่นดินไหวที่ ส.ป.ป.ลาว ในช่วงเวลา 06.50 น. ห่างจากอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ประมาณ 19 กม. เบื้องต้นเชื่อว่าเกิดบนรอยเลื่อนน้ำเป็งซึ่งเคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.5 ที่อำเภอปัว เมื่อปี 2478 ที่ระยะห่างประมาณ 30 กม. ซึ่งมีรอยเลื่อนมีพลังอยู่เป็นจำนวนมากจึงเกิดแผ่นดินไหวได้บ่อยครั้ง ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมามีแผ่นดินไหวขนาดกว่า 6.0 เกิดขึ้นในบริเวณรอยต่อประเทศไทย พม่า และลาวกว่า 7 ครั้ง รวมทั้งครั้งนี้ด้วย สำหรับผู้อยู่อาศัยบนอาคารสูงในกรุงเทพมหานครนั้นสามารถรับรู้ถึงแผ่นดินไหวได้ประมาณปีละ 1 ครั้ง ซึ่งเกิดจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่ระยะไกล เนื่องจากการพัฒนาอาคารสูงตามการพัฒนาของเศรษฐกิจในระยะหลัง บุคคลทั่วไปรับรู้แผ่นดินไหวได้มากขึ้นกว่าในอดีต ที่ผ่านมาโครงการวิจัยได้ศึกษาผลกระทบดินอ่อนต่ออาคารในกรุงเทพมหานคร และพัฒนามาตรฐานการออกแบบแผ่นดินไหวครอบคลุมทุกอำเภอและกรุงเทพมหานคร โดยมาตรฐานแผ่นดินไหว (มยผ 1302-61) ซึ่งเผยแพร่โดยกรมโยธาและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย กำหนดค่าการออกแบบสำหรับวิศวกรในการออกแบบตึกสูงให้ทนทานต่อแผ่นดินไหวที่รุนแรงเป็นไปได้ที่จะส่งผลกระทบต่อกรุงเทพมหานครได้ แต่แม้ว่าจะเผยแพร่มาตรฐานดังกล่าวแล้วประชาชนทั่วไปอาจไม่เข้าใจถึงการนำไปใช้ จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าของอาคารต่าง ๆ ที่จะต้องพิจารณาให้นำมาใช้ในการออกแบบอาคาร การวิจัยลดผลกระทบแผ่นดินไหวสำหรับอาคารในกรุงเทพมหานคร ยังจำเป็นต้องมีการติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดการสั่นไหวในบริเวณแอ่งดินอ่อนเพิ่มขึ้น เพื่อให้วิศวกรนำค่าดังกล่าวไปออกแบบอาคารให้ถูกต้องและปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งจะทำให้เจ้าของอาคาร นิติบุคคล และผู้ใช้งานอาคารสามารถรับทราบถึงความปลอดภัยของอาคารในเวลาที่รวดเร็ว โดยผลการวิเคราะห์คลื่นแผ่นดินไหวที่วัดได้ที่อาคารคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตศาลายา พบค่าความเร่งสูงสุดเท่ากับ 0.002g ซึ่งเป็นค่าการสั่นไหวที่ต่ำแต่คนทั่วไปอาจรู้สึกได้ ทว่ายังมีความปลอดภัย จึงไม่จำเป็นต้องระงับการใช้งานอาคาร รศ.ดร.นคร ภู่วโรดม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การออกแบบอาคารประเภทต่าง ๆ ทั้งอาคารขนาดเล็กและอาคารสูงที่พิจารณาพฤติกรรมของอาคารอย่างเหมาะสมยิ่งขึ้นในทางปฏิบัติ สอดคล้องกับสภาพความรุนแรงของแผ่นดินไหวและสภาพการก่อสร้างอาคารของประเทศไทยในปัจจุบัน รวมถึงจัดทำคู่มือปฏิบัติประกอบมาตรฐาน เนื้อหาของการปรับปรุงในแต่ละประเด็น ได้แก่ (1) ระดับความรุนแรงของแผ่นดินไหวในรูปของความเร่งตอบสนองเชิงสเปกตรัมทั่วประเทศ (2) ค่าความเร่งตอบสนองเชิงสเปกตรัมสำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่พิจารณาแอ่งดินลึก (3) ข้อกำหนดในการใช้โครงสร้างแบบความเหนียวจำกัด (4) ข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการใช้ผนังอิฐก่อ (5) ข้อกำหนดการออกแบบฐานราก ซึ่งมีขั้นตอนที่สำคัญคือการคำนวณผลรวมของแรงเนื่องจากแผ่นดินไหวและน้ำหนักบรรทุกอื่น ๆ อย่างถูกต้อง (6) การให้รายละเอียดเหล็กเสริมให้เหมาะสมกับประเทศไทย (7) การปรับปรุงวิธีการออกแบบโครงสร้างด้วยวิธีสเปกตรัมผลตอบสนอง เพื่อออกแบบกำลังต้านทานแรงเฉือนขององค์อาคารแนวดิ่งเป็นรายชิ้นส่วน (8) อื่น ๆ เช่น ข้อแนะนำการออกแบบกำแพงโครงสร้างคอนกรีต องค์อาคารที่ไม่ใช่โครงสร้างหลัก เป็นต้น ด้าน ศ.ดร.อมร พิมานมาศ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ในระดับกลางและระยะไกลแต่ส่งผลให้อาคารสูงหลายแห่งในกรุงเทพมหานครได้รับแรงสั่นสะเทือน ทั้งนี้อยากแนะนำให้เจ้าของอาคารตรวจสอบอาคารของตนว่ามีรอยร้าวที่บริเวณใดบ้าง เช่น เสา คาน ผนังอาคาร เป็นต้น หากพบรอยร้าวควรแจ้งวิศวกรเข้าตรวจสอบ และควรให้ความใส่ใจกับแผ่นดินไหวที่มาจากทิศตะวันตกและประเทศพม่าซึ่งมีรอยเลื่อนที่มีพลังคือ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ รวมถึงรอยเลื่อนสะแกงในประเทศเมียนมาซึ่งอาจเกิดแผ่นดินไหวได้รุนแรงถึง 8.5 และส่งผลกระทบให้อาคารในกรุงเทพมหานครได้รับความเสียหาย