กรมสุขภาพจิต แนะเทคนิคในการเปิดใจรับฟังกัน 10 ประการ ตามแนวคิด “ฟังกัน...วันละสิบ” ให้เป็นเครื่องมือที่ทุกคนสามารถทำได้ เพื่อช่วยให้คนไทยเข้าใจกันมากขึ้น รับฟังกันมากขึ้น ลดความสูญเสียด้านสุขภาพจิต และส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพใจที่เข้มแข็ง นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปัจจุบันผู้คนเริ่มให้ความสำคัญกับความรู้ด้านสุขภาพจิตมากขึ้น ไม่ต่างจากสุขภาพทางกาย แต่ปัญหาด้านสุขภาพจิตและความสูญเสียที่เกิดขึ้นยังคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก โลกยุคใหม่ที่เร่งรีบ เคร่งเครียดมากขึ้น มีเวลาให้กันน้อยลง สาเหตุเหล่านี้นำไปสู่ความเครียดและปัญหาด้านสุขภาพจิตอื่นๆ ตามมา อาทิ โรคซึมเศร้า ที่มีผู้ประสบกับปัญหานี้อยู่ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ และมีตัวเลขผู้เสียชีวิตกว่า 4,000 รายต่อปีจากการฆ่าตัวตาย หรือมีคนเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย 1 รายในทุก 2 ชั่วโมง รวมทั้งมีคนพยายามฆ่าตัวตายปีละ 53,000 คน หรือมีคนพยายามฆ่าตัวตายทุก 9 นาที 55 วินาที ซึ่งกรมสุขภาพจิตได้เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงจัดกิจกรรมรณรงค์เนื่องในงานสัปดาห์สุขภาพจิตแห่งชาติตามจุดต่างๆ ขึ้นทั่วประเทศมากกว่า 20 แห่งตลอดเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อให้คนไทยมีสุขภาพจิตที่ดี โดยเป็นการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานในสังกัดกรมสุขภาพจิตกับภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนทั่วประเทศ เน้นสุขภาพจิตไทย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยไม่ละเลยคนที่มีความเสี่ยงหรือกำลังประสบปัญหาด้านสุขภาพจิต และหยิบยื่นความช่วยเหลือออกไปให้คนรอบข้าง เริ่มจากจุดเล็กๆ เช่น ครอบครัว โรงเรียน ที่ทำงาน และขยายไปสู่จุดที่ใหญ่ขึ้น เช่น องค์กร ชุมชน และสังคมไทย อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการรณรงค์แสดงพลังและสร้างความตระหนักถึงความเข้าใจด้านสุขภาพจิตอย่างต่อเนื่อง กรมสุขภาพจิต ขอแนะนำเทคนิคในการเปิดใจรับฟังกัน 10 ประการ ตามแนวคิด “ฟังกัน...วันละสิบ” เพราะการรับฟังคือพลังที่ดีที่สุด รวมทั้งเพื่อสื่อถึงการให้คนไทยใช้เวลารับฟังคนรอบตัวให้ได้ครบ 10 ครั้งในหนึ่งวัน หรือใช้เวลารับฟังกันเพิ่มขึ้นอีกวันละ 10 นาที ดังนี้ 1.แสดงความใส่ใจ ประสานสายตา พยักหน้าตอบรับด้วยท่าทีอบอุ่น 2.ฟังอย่างเปิดใจ แล้วทำความเข้าใจผู้พูดให้มาก เพราะถ้าเราฟังเพื่อเข้าใจเขา เราจะรับรู้ตามความเป็นจริง 3.ใจอยู่กับผู้พูดตลอด ไม่เผลอคิดเรื่องอื่น ไม่เผลอคิดแทนว่าเป็นแบบนั้นแบบนี้ 4.สังเกตภาษากายของผู้พูด สีหน้า แววตา ท่าทาง ตั้งแต่เริ่มพูดคุยเป็นอย่างไร ระหว่างที่คุยหรือแม้แต่สิ้นสุดการคุยว่าเปลี่ยนแปลงอย่างไร 5.ฟังน้ำเสียง จังหวะการพูด ว่าเขามีอารมณ์ความรู้สึกอย่างไรต่อเรื่องที่เล่า 6.ระหว่างที่ฟัง เราพยักหน้าหรือขานรับเป็นระยะๆ ให้รู้ว่า เราฟังเค้าอยู่ ก็จะช่วยให้เขาเปิดใจที่จะพูดเพิ่มขึ้น 7.มีการทวนข้อความ หรือซักถามประเด็นเพิ่มเติม เพื่อเราและเขาเข้าใจตรงกันในเนื้อหาที่กำลังสนทนา 8.การฟัง จะช่วยให้พวกเขาได้ระบายความเครียดออกมา พวกเขาจะรู้สึกมีคนที่พร้อมจะเป็นเพื่อนและอยู่เคียงข้างเขา 9.คนทุกคนอยากมีค่าในสายตาของใครสักคนเสมอ 10.เราสามารถใช้ใจของเรารับรู้อารมณ์ ความรู้สึกของผู้พูดได้ "ขอแค่ตั้งใจเรียนรู้และฝึกฝน ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทุกคนสามารถทำได้ โดยการ “ใช้หัวใจฟัง” ให้ได้ยิน ในวันที่เขายังมีลมหายใจอยู่ข้างๆ คุณ จะช่วยให้คนไทยเข้าใจกันมากขึ้น ห่วงใยกันมากขึ้น และได้ระบายความทุกข์ใจก่อนที่จะสะสมจนกลายเป็นปัญหาด้านสุขภาพจิตตามมา รวมทั้งเพื่อช่วยลดความสูญเสียด้านสุขภาพจิต และส่งเสริมให้คนไทยมีสุขภาพใจที่เข้มแข็ง" อธิบดีกรมสุขภาพจิตกล่าว