กาญจนบุรีเริ่มเดินเครื่องโรงงานผลิตน้ำมัน ที่ได้จากการนำขยะพาลสติกมาสกัดเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างดี ได้ทั้งเบนซิน และดีเซล คาดเสร็จสมบูรณ์ต้นปีหน้าเตรียมจับมือรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานเข้ามาสนับสนุน เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 20 พ.ย. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ่อขยะบ้านเขาทอง ต.แก่งเสี้ยน อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งอยู่ในความดูแลของนายชัยยุทธ วัฒโน หรือเสี่ยตูน เจ้าของโครงการบ่อขยะได้นำปุ๋ยบำรุงดินที่ทำการคัดแยกขยะออกไปแล้วนำไปผลิตเป็นปุ๋ยบำรุงดินมามอบแก่ประชาชนและเกษตรกรจำนวนกว่า 100 ราย จำนวน 150 ตัน โดยมีพล.ต.รังษี กิติญาณทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และที่ปรึกษากองทัพภาคที่ 1 เป็นประธานเป็นผู้มอบปุ๋ยบำรุงดิน ซึ่งปุ๋ยทั้งหมดนี้ได้มาจากนำขยะผ่านขั้นตอนก่อนนำไปผลิตเป็นปุ๋ยบำรุงดิน แล้วนำกลับมามอบให้แก่เกษตรกรครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งเกษตรกรที่นำไปใช้ใส่พืชไร่แล้วต่างบอกว่าเป็นเสียงเดียวว่า ได้ผลเป็นอย่างดีมากๆ โดยเฉพาะพืชไร่เช่น มันสำปะหลัง สับปะรด ไม่ดอกไม้ประดับ ฯลฯ. เห็นผลการเจริญงอกงามได้เป็นอย่างดี จากนั้นพลตรีรังษี กิติญาณทรัพย์ ผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และที่ปรึกษากองทัพภาคที่ 1 พร้อมคณะได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตน้ำมัน ซึ่งโครงการดังกล่าวได้เป็นอีกแห่งที่นำขยะจากจำพวกถุงพลาสติก ที่ได้รับการแยกจากบ่อขยะบ้านเขาทอง ตำบลแก่งเสี้ยน ไปเข้าเครื่องเผาผ่านความร้อน เกิดเป็นไอออกมาเป็นน้ำมันชั้นดีเยี่ยม ซึ่งน้ำมันที่ได้มาเป็น 2 ชนิด คือน้ำมันเบนซิน กับน้ำมันดีเซลคุณภาพต่ำ สามารถนำไปใช้กับรถทางการเกษตร และยังเป็นก๊าซ นำกลับไปเข้าเตาเผากับเครื่องอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งโครงการนี้ได้เปิดทดสอบเดินเครื่องแล้วท และคาดว่าน่าจะสมบูรณ์ทั้งระบบภายในต้นปี 2563 พลตรีรังษี กล่าวว่า เตรียมจับมือกับทางกระทรวงพลังงาน เพื่อร่วมผลักดันโครงการ ออกไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อลดปัญหาการนำเข้าน้ำมันในราคาแพง และจะไปดูโรงงานแยกน้ำมันเตา ไปเป็นน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ซึ่งปัจจุบันนี้ทำได้แล้ว อยู่ในจังหวัดราชบุรี และเตรียมขยายผลทันที และวัตถุดิบจำพวกถุงและขวดน้ำพลาสติกของประเทศไทยไม่มีทางหมดไปจากประเทศ เราต้องยอมรับความเป็นจริง การที่ออกมารณรงค์ เป็นแค่โฆษณาเชิญชวนแค่นั้น โลกของความเป็นจริงมันคงเป็นไปไม่ได้ มันเป็นวิถีของคนไทยไปแล้ว ใครจะมาถือถุงผ้าติดตัวไปตลอดเป็นไปไม่ได้ และโครงการนำขยะมาผลิตเป็นน้ำมันได้อีกทางพลิกวิกฤติกลับมาเป็นโอกาสจะดีกว่า ซึ่งก็จะเป็นทางออกของประเทศไทยอีกทางหนึ่งในอนาคต เมื่อต้นทุนต่ำราคาน้ำมันเราจะถูกลงไปอีกไม่ต่ำกว่า 10 บาทต่อลิตร สำหรับนายประจักษ์ บัวซ้อน ตัวแทนบริษัท ซัมมิท ไพน์เฮิร์สท กอล์ฟคลับ จำกัด ได้ร่วมดำเนินการโครงการแปรรูปจากขยะที่ย่อยสลายไม่ได้ เช่นขยะจากถุงพลาสติก แล้วนำกลับมาผ่านขั้นตอนจากเครื่องเผาด้วยความร้อนแล้วออกมาเป็นน้ำมันดินชนิดดีเยี่ยมสะอาดกว่าน้ำมันดิบชนิดอื่นๆ ซึ่งเครื่องเตาเผาขยะจำพวกพลาสติกนี้สามารถแยกออกมาเป็นทั้งน้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน ซึ่งมีคุณภาพสูงสะอาดกว่าน้ำมันดิบทั่วๆไป นายประจักษ์ บัวซ้อน กล่าวต่ออีกว่า"โครงการนำขยะมาผ่านขั้นตอนออกมาเป็นน้ำมันที่ได้นี้ไม่ได้ต้องการหวังผลกำไรใดๆ แต่ต้องการช่วยในการลดปัญหาขยะในเมืองไทยที่มีอยู่เป็นจำนวนมากในปะเทศเวลานี้ ซึ่งคาดว่าหากทำการกำจัดจำพวกพลาสติกนี้จะใช้เวลาอีกนานมากๆ จึงจะหมดไปประเทศไทย เพราะมีอยู่จำนวนมากนั่นเอง ซึ่งขยะที่จะป้อนเข้าไปยังเตาเผานั้นวันละ 5 ถึง 10 ตัน ต่อวัน และสามารถผลิตเป็นน้ำมันได้ 3,500 ถึง 7,000 ลิตรต่อวัน โดยผ่านกระบวนการไพโรไลซิล (Pyrolysis) กระบวนการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบทางเคมีโดยใช้ความร้อน ในสภาวะไร้อากาศ โดยจะได้ น้ำมันหนัก (ดีเซล) 40 เปอร์เซ็นต์ น้ำมันเบา (เบนซิน) 30 เปอร์เซ็นต์ และน้ำมันเตา 20 เปอร์เซ็นต์ สำหรับโครงการนี้เครื่องจักร พร้อมการก่อสร้างโรงงานไปแล้วไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าเครื่องจักร 15 ล้านบาท ค่าก่อสร้างอาคารประมาณ 5 ล้านบาท เมื่อเปิดเดินเครื่องเต็มกำลังภายในเดือนกุมภาพันธุ์ ปี 2563 จะแก้ไขปัญหาขยะรอบๆชุมชนได้จริง และเกิดประโยชน์ต่อสังคม รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชน ได้เรียนรู้ การดำเนินโครงการ เพื่อจะช่วยแก้ไขปัญหาขยะล้นเมืองในระยะยาว อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพต่อไป