เมื่อวันที่ 16 พ.ย.62 พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. กล่าวถึงคดีข้อพิพาทที่ดินจำนวน 3,800 ไร่ ในจังหวัดจันทบุรี ว่า สำหรับคดีดังกล่าว อยากชี้แจงในส่วนนี้ว่าทางกอปราบไม่ได้ทำคดีนี้เพื่อช่วยเหลือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นพิเศษ เพียงแต่ทำตามหน้าที่หลังทางมูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ได้เคยมาเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายบุญช่วย เจริญสถาพร น้องชาย พระกิตติวุฑโฒ ภิกขุ ในความผิดฐานยักยอกที่ดินของมูลนิธิจำนวน 3,800 ไร่ ไปเป็นของตนเอง จึงจำเป็นต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับที่ดินผืนดังกล่าวว่าใครคือเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง ซึ่งจากข้อมูลหลักฐานที่ได้รับอยู่ในขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนพอสมควรว่ามูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง แต่ก็ขอใช้เวลาในการตรวจสอบพยานหลักฐานให้แน่ชัดอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้มีการตั้งคณะพนักงานสอบสวนขึ้นมาดูแลโดยเฉพาะแล้ว ผบก.ป. กล่าวต่อว่า ภายหลังจาก น.ส.เขมจิรา บัณฑูรนิพิท นำหลักฐานมามอบให้กับทางกองปราบ เพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีดังกล่าวเมื่อวานที่ผ่านมานั้น เบื้องต้นจากการสอบถาม น.ส.เขมจิรา ยังได้มีความประสงค์ขอให้ทางกองปราบ จัดกำลังคุ้มครองดูแลตนเองกับบุคคลในครอบครัวเนื่องจากเกรงว่าอาจจะผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์โยงการล้างแค้นเกิดขึ้น รวมไปถึงการคุ้มครองพยานบุคคลสำคัญต่างๆ ทั้งพระที่เคยสนิทใกล้ชิดกับพระกิตติวุฑโฒ เพราะเกรงว่าอาจมีส่งคนไปข่มขู่ข่มขู่ทำร้ายพยานบุคคลเพื่อไม่ให้ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงถึงกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว หรือแม้กระทั่งการส่งคนไปฆ่าตัดตอน จากผู้ที่เสียผลประโยชน์ในคดี ซึ่งในส่วนนี้ทางกองปราบ เองขอพิจารณาเป็นกรณีๆไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์และโอกาสที่อาจจะเกิดขึ้นและความเสี่ยงของแต่ละคน เนื่องจากหากต้องจัดกำลังไปคุ้มครองพยานทั้งหมดคงจะไม่สามารถทำได้ รายงานข่าวแจ้งว่า นอกเหนือจากเรื่องการที่ น.ส.เขมจิรา ขอให้มีการจัดกำลังคุ้มครองพยานแล้ว ยังได้มีการร้องขอให้ทางตำรวจกองปราบ ช่วยดำเนินการตรวจสอบที่ดินส่วนอื่นๆในพื้นที่ จ.สงขลา อีก 600 ไร่ และ จ.ชลบุรี อีก 1,300 ไร่ ของมูลนิธิฯ ที่ตกไปอยู่ในความครอบครองของนายบุญช่วย ว่ามีที่ไปที่มาอย่างไร ซึ่งในส่วนนี้ทางกอปราบ เองก็ได้รับเรื่องไว้พิจารณา