หมายเหตุ : “อุเทน ชาติภิญโญ” อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย อีกหนึ่งบุคคลที่มากประสบการณ์ทางการเมือง ได้ประกาศลงสมัครชิงเก้าอี้ “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” ที่คาดว่าจะมีการจัดเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2563 นี้ ทั้งนี้ อุเทน เปิดใจกับ “สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์” ถึงการตัดสินใจลงสู้ศึกสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในครั้งนี้ โดยมีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้ -เหตุผลที่ตัดสินใจลงสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ ผมชอบการเมือง ชอบความยุติธรรม การทำอะไรจะนึกถึงสิ่งที่ประชาชน และสังคมจะได้รับ แต่ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้ เห็นว่าไม่เหมาะที่จะเล่นการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร เพราะมีข้อ หรือขีดจำกัดมากจนเกินไป และด้วยกระบวนการแห่งรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งเกิดกลไก สิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป็นจุดด้อย ทำให้ผมตัดสินใจปิดพรรค และกลับมาคิดว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเดิมว่าจะวางมือ แต่ก็วางไม่ได้ ด้วยหลายเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว และผมมีนิสัยที่เห็นความไม่ถูกต้อง เห็นการเอาเปรียบเสียเปรียบ จึงอยากเข้าไปแก้ไข จากเฝ้าดูการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มาตลอดในหลายครั้ง ยังไม่เห็นผู้ว่าฯ กทม. ที่ประชาชนต้องการ ผมจะแสดง และจะทำให้ดูว่า ผู้ว่าฯ กทม. ที่ดีนั้น ควรมีลักษณะเช่นใด อย่างเช่น ดีใจแทนคนบุรีรัมย์ ที่มีคนอย่างนายเนวิน ชิดชอบ ดีใจแทนคนชลบุรี ที่มีคนตระกูลคุณปลื้ม -เสียงตอบรับจากพี่น้องเพื่อนพ้องในวงการการเมืองเป็นอย่างไร เมื่อเราประกาศที่จะลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ ตอนรู้ข่าวใหม่ๆ เพื่อนบอกจะบ้าหรือเปล่า ไปดิ้นรนทำไม ฐานเสียงและทุนจะสู้เขาได้หรือ เท่าที่เขาทราบว่าจะมีใครลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.บ้าง ต้นทุนเราต่ำกว่าเขา ซึ่งก็ได้ตอบเพื่อนไปว่า “กูไม่มีต้นทุน แต่สิ่งที่กูมีมากกว่าคนอื่น คือ ใจ กับความคิด” ผมมีใจที่เหนือใจ มีความคิดที่กว้างไกลพอสมควร เป็นคนกล้าคิดกล้าตัดสินใจ กล้าทำ คือตัวตน ที่สำคัญมีประสบการณ์ทุกรูปแบบ ทั้งบุ๋น และบู๊ -ประสบการณ์แก้ปัญหาน้ำท่วม กทม. เมื่อปี 2554 ถือเป็นแต้มต่อมากกว่าผู้สมัครคนอื่นหรือไม่ น้ำท่วม ปี 2554 ต้องบอกเลยว่า ด้วยความใหม่ของรัฐบาล (รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) และด้วยประสบการณ์ที่ยังน้อย และปัญหาที่เยอะ วันนั้นผมเข้ามาทำงานโดยคำสั่ง “คุณทำได้ ไปจัดการเรื่องนี้ซะ” เพราะผมได้อธิบายว่าจะแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างไร ต้องเอาน้ำลงตรงไหน ซึ่งผมได้โทรทางไกลไปหาบุคคลหนึ่งที่อยู่ทางไกล ท่านก็บอกว่า “ให้ไปบอก ชี้แจงให้ชัดเจน และบอกว่า คุณได้เรียนให้ผมทราบแล้ว ให้เข้าไปจัดการ ไปช่วยนายกฯ คุณเท่านั้นที่ทำได้” ผมจึงได้เข้าไปอธิบาย และมีการกระทำ ถ้าวันนั้นสื่อมวลชนที่ตามผม จะรู้เลยว่า ผมทำอะไร หนักเบาแค่ไหน และตัดสินใจอย่างไรบ้าง ซึ่งผลออกมาด้วยการใช้เวลาไม่นาน สามารถแก้ไขปัญหา และป้องกันน้ำท่วมฝั่งตะวันออกไม่ให้สาหัส เหมือนเช่นที่อื่น ผมไม่ใช่เป็นคนสร้างภาพ จึงไม่มีอะไรที่เป็นภาพลักษณ์โชว์ออฟตัวเอง แต่ประชาชนในพื้นที่ทั้งฝั่งตะวันออก รวมถึงจังหวัดสมุทรปราการ คงจะทราบ ถ้าโดยปกติ พื้นที่หนองจอก ลาดกระบัง มีนบุรี นิดเดียวน้ำก็ท่วม โดยเฉพาะสมุทรปราการ ทำไมผมถึงจัดการได้ เพราะผมเป็นนักคิด เป็นนักปฏิบัติ และผมลงมือด้วยตัวเอง ผมไม่กลัวเหนื่อย ไม่เกรงใจใคร กล้าตัดสินใจบนความถูกต้อง และรับผิดชอบ จนสุดท้าย จึงได้เข้ามาช่วยฝั่งธนฯ ก็แปลกผมได้เข้าไปช่วยฝั่งธนฯ เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ซึ่งเป็นวันที่ผมจะเปิดตัวลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. เหมือนกัน -วันนี้คน กทม. ต้องการผู้ว่าฯ กทม. แบบไหน มีวิสัยทัศน์จริงๆ ไม่สร้างภาพ เจรจาได้ ไม่ทะเลาะ ไม่เกรงใจ ไม่เกรงกลัว สามารถประสานได้ทั้ง 10 ทิศ ถ้าผมมีโอกาสจะทำให้ดู ว่าผมจะประสาน จีน ญี่ปุ่น อิสราเอล ได้อย่างไร และจัดการ กทม. ไม่ให้แค่เป็นเมืองน่าท่องเที่ยวสำหรับต่างชาติ แต่เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับเราด้วย -การสร้าง กทม. ให้เป็นเมืองน่าอยู่ ต้องแก้ปัญหาอะไรบ้าง อันดับแรก คือ มลพิษจากอากาศ กลิ่น พาหะต่างๆ เช่น หนู แมลงสาบ แม้แต่มด ซึ่งคนไม่มองถึง แต่ผมมองถึงหมด รถติดแก้ได้ ถ้าเราจัดระเบียบ คลามปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพราะเป็นสิ่งสำคัญ การศึกษาของเด็ก โรงเรียนใน กทม. มีมากกว่า 450 โรงเรียน กระจายอยู่ใน 50 เขต ที่เราเรียกว่า โรงเรียนประชาบาล โรงเรียนวัด ทำไมลูกหลานของเรา จึงต้องมีฐานันดร มีโอกาสในการเข้าศึกษา ที่แตกต่างกัน มีโอกาสที่จะได้รับการถ่ายบทอดการเรียนการรู้ที่แตกต่างกัน ลูกหลานจะต้องได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันในการได้รับการศึกษา และการเรียนรู้อย่างไม่สิ้นสุด ผมทำได้ ด้วยการเจรจา -จุดแข็งของ กทม. ที่สามารถนำไปต่อยอดพัฒนาได้อีก อย่างที่บอก กทม. เป็นเมืองที่น่าท่องเที่ยว มีวัดวาที่สวยงาม มีขนบธรรมเนียมประเพณี ซึ่งผมจะพัฒนา กทม. เป็นแหล่งท่องเที่ยว เน้นการรักษาวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีดั้งเดิม โดยไม่ให้สิ้นเปลือง อยากจะทำให้คนไทย รักษาเกียรติยศ รักศักดิ์ศรีของประเทศไทย เพราะปัจจุบันบางประเพณีเราทำเลอะเทอะไปหมด เช่น ประเพณีสงกรานต์ สมัยผมเด็กๆ ประเพณีสงกรานต์ไม่ใช่แบบนี้ ที่เอาน้ำใส่ถังมาสาดกัน เปิดเพลงเต้นกัน ผมบอกเลยไม่ยอมแน่ ที่จะมาปิดถนนเอาน้ำมาละเลงเล่น ผมไม่เห็นด้วย สงกรานต์เป็นประเพณีที่ดี อย่าทำลายทรัพยากรโดยไร้สาระ หลายอย่างผมไม่อยากให้เราเสียไปฟรีๆ -ประเมินสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ครั้งนี้ มีความดุเดือดหรือไม่ การลือกตั้งครั้งนี้ ผมคิดว่า คนจะมองไปที่โซเซียล แต่ผมไม่มอง เชื่อว่าปากต่อปาก จะเป็นการสื่อที่ดีที่สุด เข้าใจง่ายที่สุด ถ้าความคิดผมถูกกระจายไม่ว่าจากการอ่าน หรือการได้ยิน เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ และยอมรับในความคิดผม เชื่อว่าผมมีความสามารถทำให้รถวิ่งตามท้องถนนคล่องตัวกว่านี้ เชื่อว่าจะจัดการเรื่องกลิ่นในท่อระบายน้ำ สามารถทำน้ำให้ใสขึ้น ผมมั่นใจว่าทำได้แน่ ผมจะล้างระบบใน กทม. ไม่ยอมให้การผิดกฎหมาย และการเอาเปรียบคน กทม. สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นจุดแข็งในตัวผม และเป็นสิ่งที่อยากทำให้เมืองเป็นระเบียบ โดยนำกฎหมายที่มีอยู่มาบังคับใช้อย่างตรงไปตรงมา ถ้าประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี ก็ให้โอกาสผม ซึ่งผมมีสโลแกนที่ให้คำมั่นกับประชาชนว่า 500 วันทำไม่สำเร็จ ลาออกทันที การเลือกตั้งครั้งนี้ คิดว่าไม่ดุเดือด สุดท้ายเหลือแคนดิเดตไม่เกิน 3 คน ที่จะมาชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. คนที่เคยลงแล้ว ประชาชนก็ไปถามตัวเองดูว่าใช่หรือไม่ จะทำได้จริงหรือไม่ ผมลงอิสระ เพราะต้องการความเป็นเอกเทศในการทำงาน ทางความคิด และรับผิดชอบ ไม่ต้องมีใครมาร่วมรับผิดชอบกับผม ขณะนี้ได้มีการเตรียมทีมงาน ซึ่งเป็นอดีตข้าราชการ คหบดี ที่ประสบความสำเร็จ จะเข้ามาช่วยกันคิด เตรียมมือประสานงานต่างประเทศไว้เรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ใครก็แล้วแต่ที่มีความคิดดี มีความคิดบริสุทธิ์ เสียสละ มีความตั้งใจทำงานให้ประชาชน มาช่วยกันได้ ผมจะมีวอร์รูมระดมความคิด ผมจะใช้เงินงบประมาณของ กทม. ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับชาว กทม. -มองคู่แข่งท่านไหน มีคุณสมบัติสูสี ที่จะมาชิงตำแหน่งในครั้งนี้ คู่แข่งบางคนต้นทุนฐานะอาจจะสูง ต้นทุนการศึกษาเขาอาจจะสูงกว่าผม แต่เชื่อว่า ต้นทุนประสบการณ์ไม่เท่าผม เช่น คุณรสนา โตสิตระกูล และคุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ นอกจากนั้นไม่น่าใช่คู่แข่ง เพราะผลงานมีชัดเจนว่าทำได้ หรือไม่ได้ ทุกครั้งที่ฝนตก น้ำก็ยังขังอยู่ ระบายไม่ทัน ทำไมไม่ดัดแปลง หลายอย่างสามารถแก้ไขได้เลยทันที โดยไม่ต้องใช้เงิน ถ้าคิดเป็น สั่งเป็น ติดตามงานเป็น -การลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระ มีข้อได้เปรียบ หรือเสียเปรียบ เมื่อเทียบกับผู้สมัครสังกัดพรรคการเมือง อย่างที่บอกต้นทุนผมต่ำกว่าคนอื่น ในเรื่องของมวลชน แต่เชื่อว่า ถ้าประชาชนได้ยิน ได้อ่านความคิดของผม ทุกคนจะเข้าใจว่า ผมคิดเป็น และทำได้ ผมไม่ได้โม้ ผลงานผมในอดีตเรื่องอะไรก็แล้วแต่ ไม่เคยไม่สำเร็จ -อยากฝากอะไรถึงคน กทม. ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงต้นปี 2563 นี้ ผมมีประโยค 4 ประโยคที่จะให้ติดตัวผม คือ 1.ผมจะทำเมืองที่น่าเที่ยวที่สุดเมืองหนึ่งของโลก ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับพวกเรา 2.ผมจะไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบคนใน กทม. ทุกคนต้องตรงไปตรงมา อยู่ในกรอบกฎหมาย 3.ผมจะทำให้รถใน กทม. ต้องไม่ติด และ4.ผมจะทำให้ทุจริตต้องหมดไป ทั้งหมดนี้ผมขอเวลา 500 วัน ถ้าทำไม่ได้ วันที่ 501 ผมจะลาออกทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ซึ่งผมขอประกาศเป็นเจตนารมณ์ และให้สัตยาบันต่อมวลชน ทั้งนี้ หลังจากผมเปิดตัวแล้ว จะมีการจัดกิจกรรมอาทิตย์เว้นอาทิตย์ เกี่ยวกับ กทม. โดยจะเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมตามที่ข้อกฎหมายกำหนดให้สามารถทำได้ เพื่อรับรู้ปัญหาที่แท้จริง เพราะการแก้ สามารถแก้ได้อยู่แล้ว ทุกปัญหามีทางออก มีคำตอบ เพียงแต่เรามองเห็นหรือไม่ ว่าอะไรคือปัญหา และไม่หนีปัญหา และเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับชาว กทม.