“ชายนพ”เปิดประเด็น คำว่า“ร่างทรง”เดี๋ยวนี้ไม่ได้นำมาใช้แค่เรื่อง“ไสยศาสตร์” ในวงการบันเทิงคำนี้ยังใช้เรียกพวก“ก๊อปปี้โชว์”ว่า “ศิลปินร่างทรง”...เหมือนเป็นคำดูหมิ่นเหยียดหยามพวกก๊อปปี้โชว์ว่าไม่มีกึ๋นที่จะเป็นตัวของตัวเอง และที่แรงกว่านั้น บางคนชี้หน้าพวกเขา คือ “เหลือบที่แย่งงานศิลปินตัวจริง!” แต่การเป็นศิลปินก๊อปปี้โชว์ ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะการเลียนแบบนักร้องชื่อดัง หน้าตา ลีลา และน้ำเสียง รวมกันต้องเหมือนตัวจริง 80% อัพขึ้นไป คนที่พยายามทำตัวเป็นก๊อปปี้โชว์ แต่ไม่เนียน งานจ้างจึงวังเวง ที่สุดก็หลุดวงโคจรจากวงการนี้ไปหลายคน ส่วนก๊อปปี้โชว์ที่พอจะอยู่รอดมีงานเรื่อยๆ ก็ยังต้องอัดอั้นต่อคำดูหมิ่นจากสังคมบางส่วน ที่มองพวกเขาว่าเป็น “กาฝาก”... สยามรัฐหน้าบันเทิงจึงขอมอบพื้นที่ให้ศิลปินก๊อปปี้โชว์ได้ระบายความรู้สึกในเรื่องนี้ “ดัมมี่ ธาวิน” หนึ่งในก๊อปปี้โชว์ เลียนแบบพระเอกลิเกคนดัง“ไชยา มิตรชัย” จัดว่าเป็นศิลปินที่คร่ำหวอดในวงการ ที่มีสุ่มเสียง และลีลา ที่สามารถสะกดคนดูหน้าเวที จึงมีแฟนคลับไม่น้อย เขากล่าวกับทีมข่าวบันเทิงสยามรัฐว่า เป็นไปไม่ได้ที่ตัวเองจะแย่งงานศิลปินต้นแบบอย่างไชยา มิตรชัย “สำหรับผมเรื่องการแย่งงานศิลปินตัวจริง คงเป็นไปไม่ได้ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างต่างกันลิบลับ ทั้งชื่อเสียงและความนิยม ผมเทียบไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว และโชคดีที่ ไชยา มิตรชัย ศิลปินต้นแบบของผม เป็นศิลปินที่มีเมตตาให้โอกาสนักร้องทุกคนที่เอาเพลงของเขาไปร้อง ไชยา มิตรชัย เคยพูดว่า หากทำแล้วสามารถเลี้ยงดูตัวเองเลี้ยงครอบครัวได้ก็ยินดี ต้องขอบคุณไชยา มิตรชัย ครอบครัว และแฟนคลับของ ไชยา มิตรชัย ทุกท่าน ที่เมตตา ดัมมี่ เสมอมาครับ” “เจนนิเฟอร์ แบงค์”ร่างจริงเป็นชาย แต่แต่งกายเลียนแบบศิลปินดังอย่าง“เจนนิเฟอร์ คิ้ม”ได้เนียนมาก รวมถึงลีลาและน้ำเสียง ชนิดที่หลับตาฟังยังนึกว่าเจนนิฟอร์ คิ้ม ตัวจริง มาร้องอยู่ใกล้ๆ แต่เจ้าตัวยังถ่อมตนว่าเป็นเพียงแค่ความคล้ายเท่านั้น “เราไม่ได้แย่งงานของศิลปินตัวจริง เพียงแต่เราเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ของการเอนเตอร์เทนบนเวทีเท่านั้น ..โชคดีที่แบงค์เหมือนศิลปินต้นฉบับเพียงแค่หน้าตาเท่านั้น แต่การร้องเพลงและเอนเตอร์เทน ก็ยังคงเป็นแบบตัวเองอยู่ จึงทำให้เราร้องเพลงได้หลากหลาย มิได้ร้องเฉพาะเจาะจงแต่ของศิลปินต้นแบบเท่านั้น ประกอบกับความรักและความเมตตาจากศิลปินต้นแบบที่มอบให้ สร้างความอุ่นใจได้ระดับนึงค่ะ..ปัญหา ของก็อปปี้โชว์ มักเป็นปัญหาที่เกิดทางใจมากกว่าค่ะ จากการที่เรามักรู้สึกว่า เรามักได้รับความไม่ให้เกียรติจากสังคมศิลปินด้วยกัน บางครั้งความรู้สึกที่ถูกมองเหมือนเราเป็นศิลปินปลายแถว อนาคตคิดว่าอยากจะมีเงาของตัวเองบ้างค่ะ” “ชานนท์”ก๊อปปี้โชว์มากความสามารถ นอกจากจะเลียนแบบศิลปิน“ติ๊ก ชิโร่”ได้เกือบเหมือนแล้ว เขายังสามารถเลียนแบบศิลปินดังอีกหลายคน เช่น ปอยฝ้าย มาลัยพร,แอ๊ด คาราบาว,เสก โลโซ ฯลฯ ถ้าโดนค่ายต้นสังกัดศิลปินดังเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์ที่เขาเลียนแบบบนเวที เรียกว่าหัวบานกันเลยทีเดียว แต่ชานนท์ก็ชี้แจงว่ารายได้ของเขา ไม่ได้มากมายนัก “เสียงวิจารณ์ว่าแย่งงานตัวจริง อันนี้อยู่ที่วิจารณญาณของแต่ละคน เพราะเวลาเราไปแสดงเราจะพูดอย่างเต็มปากเลยว่า เราเป็นก๊อปปี้ ไม่ใช่ตัวจริงไม่ได้แอบอ้าง เจ้าภาพรู้ ผู้ชมรู้ จะมีแค่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่คิดและมีอคติกับเรื่องแบบนี้ครับ... ส่วนเรื่องลิขสิทธิ์ก็มีกลัวๆอยู่เหมือนกัน แต่ถ้ามองในอีกมุม รายได้เราไม่ได้เยอะเป็นกอบเป็นกำ การที่เรามาก๊อปปี้ยิ่งทำให้ศิลปินหรือเพลงของคุณไม่ถูกลืม กลับยิ่งมีกระแสเพิ่มช่องทางทำเงินให้คุณได้อีก” “อาร์ต ธงชัย”หนุ่มคนนี้แต่งกายคล้าย“เบิร์ด ธงชัย”จนคนบนตึกแกรมมี่คิดว่าเขาคือพี่เบิร์ดตัวจริง แถมร้องเพลงของพี่เบิร์ดได้เหมือนต้นฉบับเกือบทุกเม็ด เขามองว่าก๊อปปี้โชว์คือศาสตร์อย่างหนึ่ง “ก๊อปปี้โชว์คือศาสตร์อาชีพศิลปอย่างหนึ่งที่ต้องทำให้คนดูเชื่อ เชื่อทั้งภาพเชื่อทั้งเสียง นักแสดงบางคนโชคดีที่มีทั้งภาพและเสียงเป็นทุน แต่สำหรับบางคนต้องใช้เวลาฝึกฝนมาก ฝึกฝนทั้งทักษะการร้องและทักษะการแต่งหน้าแต่งตัวให้เทียบเคียง แต่อาชีพนี้ก็สร้างอาชีพสร้างรายได้ที่มากมายหากว่าเราใส่ใจในรายละเอียดของมัน การเป็นนักแสดงก๊อปปี้โชว์ จึงใส่ใจในด้านผลตอบรับมากกว่าทั้งการยอมรับจากผู้ชมและผลตอบแทนด้านรายได้ น้อยคนนักที่จะซีเรียสเรื่องตัวตนของตัวเองว่าใครเป็นใคร เพราะส่วนใหญ่โฟกัสเรื่องงานเป็นสำคัญอันดับแรก” ท้ายที่สุดแล้ว ก็อาจจะจัดว่าก๊อปปี้โชว์ คือ“ศาสตร์แห่งการแสดง”ที่เป็นสีสันและทางเลือกให้คนดู ค่าจ้างเพียงน้อยนิด ไม่เท่ากำลังใจจากเสียงปรบมือของคนดู และที่สำคัญก๊อปปี้โชว์แต่ละคน ก็มีผลงานเพลงเป็นของตัวเอง เพียงแต่รอวันจะได้เป็นตัวจริงที่มหาชนยอมรับเท่านั้น