วันที่13 พ.ย. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณน้ำตกนพพิบูลย์ หมูที่ 9 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จิตอาสาพระราชทาน วปร. 904 กลุ่มชมรมผู้สื่อข่าว ประชาชน และนักเรียน ได้รวมตัวกันโดยใช้ชื่อ “กลุ่มจิตอาสาสังขละบุรี” พร้อมด้วย ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า(กองกำลังสุรสีห์ฯ) ได้จัดกิจกรรมคืนรอยยิ้มให้น้ำตกหมวดเดช(น้ำตกนพพิบูลย์)ด้วยการทำความสะอาดพื้นที่บริเวณน้ำตกด้วยการถางหญ้า และจัดเก็บขยะ จำพวกกระป๋องเครื่องดื่มยีห้อต่างๆ ขวดน้ำดื่ม ถุงพลาสติก ที่ถูกทิ้งไว้ตามทางเดินในน้ำตกและลอยอยู่ในน้ำ บริเวณชั้นต่างๆของน้ำตก เพื่อทำให้น้ำตกแห่งนี้กลับมาสวยงาม สะอาดและน่าท่องเที่ยวเหมือนเดิม
ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเผยแพร่ภาพขยะ ที่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่มาท่องเที่ยวพักผ่อนและเล่นน้ำ บริเวณน้ำตก ได้ทิ้งไว้ จนเป็นภาพที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้ที่พบเห็น และมีการส่งต่อภาพในสังคมออนไลน์ น้ำตกนพพิบูลย์ หรือน้ำตกหมวดเดช เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ริมทางหลวงชนบท 2078 .เส้นน้ำตกตะเคียนทอง ซึ่งน้ำตกแห่งนี้ถูกค้นพบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2559 โดย ร.ต.ท.สุรเดช นพพิบูลย์ หรือหมวดเดช รอง.สวส.สภ.สังขละบุรี (ยศขณะนั้น) ขณะที่ได้มาตั้งด่านสกัดขบวนการการขนแรงงานต่างด้าว รวมทั้งสิ่งผิดกฏหมายในบริเวณนี้ และ เป็นผู้บุกเบิกและพัฒนา จนเป็นสถานที่ท่องเที่ยงแห่งใหม่ ของ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่ได้รับความนิยมในขณะนั้น จึงมีการตั้งชื่อน้ำตกแห่งนี้ว่าน้ำตกหมวดเดช หรือน้ำตกนพพิบูลย์ เพื่อเป็นการให้เกียรติ แก่ ร.ต.ท.สุรเดช นพพิบูลย์ น้ำตกแห่งนี้ เดินทางสะดวก ห่างจากถนนเส้นหลักเข้าไปเพียง 20 เมตร มีน้ำไหลทั้งปี บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยร่มไม้ มีธารน้ำตกใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง ที่มีความสูงกว่า 20 เมตร
แต่ที่ผ่านมายังไร้หน่วยงานเข้ามาดูแลพื้นที่ จนทำให้ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ อ.สังขละบุรี นักท่องเที่ยว รวมทั้งชาวเมียนมาและแรงงานชาวเมียนมา ที่ทำงานในโรงงานต่างๆในพื้นที่ บ้านพระเจดีย์สามองค์ ที่ใช้เวลาในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ พาครอบครัวมาท่องเที่ยวพักผ่อนกัน
ซึ่งในพื้นที่ไม่มีการนำถังขยะมาวางไว้ ประกอบกับนักท่องเที่ยวบางส่วนมีนิสัยมักง่าย ไม่ยอมนำขยะกลับไปทิ้งข้างนอก จึงเป็นเหตุให้เกิดภาพกองขยะตามที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ จนเป็นที่มาของกิจกรรมในวันนี้ ด้านนายคำทอง ศิริวัฒนพิเชษฐ์ ประธานชมรมผู้สื่อข่าวสังขละบุรี) กล่าวว่า "หากเป็นไปได้อยากให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวน้ำตกนพพิบูลย์ ช่วยกันรักษาความสะอาด ด้วยการนำขยะกลับออกไปทิ้งข้างนอกหลังจากมาท่องเที่ยว เพื่อทำให้น้ำตกแห่งนี้ กลับมามีความสวยงามและสะอาดน่าเที่ยว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อน ของอำเภอสังขละบุรีต่อไป
ซึ่งก่อนหน้านี้มีการเผยแพร่ภาพขยะ ที่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ที่มาท่องเที่ยวพักผ่อนและเล่นน้ำ บริเวณน้ำตก ได้ทิ้งไว้ จนเป็นภาพที่สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้ที่พบเห็น และมีการส่งต่อภาพในสังคมออนไลน์ น้ำตกนพพิบูลย์ หรือน้ำตกหมวดเดช เป็นน้ำตกขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ริมทางหลวงชนบท 2078 .เส้นน้ำตกตะเคียนทอง ซึ่งน้ำตกแห่งนี้ถูกค้นพบในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2559 โดย ร.ต.ท.สุรเดช นพพิบูลย์ หรือหมวดเดช รอง.สวส.สภ.สังขละบุรี (ยศขณะนั้น) ขณะที่ได้มาตั้งด่านสกัดขบวนการการขนแรงงานต่างด้าว รวมทั้งสิ่งผิดกฏหมายในบริเวณนี้ และ เป็นผู้บุกเบิกและพัฒนา จนเป็นสถานที่ท่องเที่ยงแห่งใหม่ ของ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่ได้รับความนิยมในขณะนั้น จึงมีการตั้งชื่อน้ำตกแห่งนี้ว่าน้ำตกหมวดเดช หรือน้ำตกนพพิบูลย์ เพื่อเป็นการให้เกียรติ แก่ ร.ต.ท.สุรเดช นพพิบูลย์ น้ำตกแห่งนี้ เดินทางสะดวก ห่างจากถนนเส้นหลักเข้าไปเพียง 20 เมตร มีน้ำไหลทั้งปี บรรยากาศร่มรื่นไปด้วยร่มไม้ มีธารน้ำตกใหญ่ที่อยู่ด้านล่าง ที่มีความสูงกว่า 20 เมตร
แต่ที่ผ่านมายังไร้หน่วยงานเข้ามาดูแลพื้นที่ จนทำให้ไม่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยว ส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ อ.สังขละบุรี นักท่องเที่ยว รวมทั้งชาวเมียนมาและแรงงานชาวเมียนมา ที่ทำงานในโรงงานต่างๆในพื้นที่ บ้านพระเจดีย์สามองค์ ที่ใช้เวลาในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ พาครอบครัวมาท่องเที่ยวพักผ่อนกัน
ซึ่งในพื้นที่ไม่มีการนำถังขยะมาวางไว้ ประกอบกับนักท่องเที่ยวบางส่วนมีนิสัยมักง่าย ไม่ยอมนำขยะกลับไปทิ้งข้างนอก จึงเป็นเหตุให้เกิดภาพกองขยะตามที่มีการเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ จนเป็นที่มาของกิจกรรมในวันนี้ ด้านนายคำทอง ศิริวัฒนพิเชษฐ์ ประธานชมรมผู้สื่อข่าวสังขละบุรี) กล่าวว่า "หากเป็นไปได้อยากให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวน้ำตกนพพิบูลย์ ช่วยกันรักษาความสะอาด ด้วยการนำขยะกลับออกไปทิ้งข้างนอกหลังจากมาท่องเที่ยว เพื่อทำให้น้ำตกแห่งนี้ กลับมามีความสวยงามและสะอาดน่าเที่ยว เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อน ของอำเภอสังขละบุรีต่อไป