เมื่อวันที่ 8 พ.ย.62ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุม 910 A-B ชั้น 9 อาคารเรียนและปฏิบัติการรวมด้านการแพทย์และโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดแถลงข่าว นวัตกรรมการเรียนการสอนทางการแพทย์: “Ultrasound พกพาชนิดไร้สายสำหรับนักศึกษาแพทย์ยุคดิจิทัล” ขึ้นครั้งแรกในโรงเรียนแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล นำนวัตกรรมมาใช้ในการเรียนการสอนทางการแพทย์แก่นักศึกษา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยรักษาให้ทันท่วงที อีกทั้งยังช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการช่วยเหลือผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วด้วยอุปกรณ์ “Ultrasound พกพาชนิดไร้สาย” ซึ่งได้เริ่มใช้งานจริงแล้วในคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อเครื่อง Ultrasound พกพาชนิดไร้สายนี้ จำนวน 200 เครื่อง มูลค่า 12 ล้านบาทจากบริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงความสำคัญของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนการสอนนักศึกษาแพทย์ในยุคดิจิทัล ว่าคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มีพันธกิจหลัก ได้แก่ พันธกิจด้านการรักษาพยาบาลผู้ป่วย พันธกิจด้านการทำวิจัยให้เกิดนวัตกรรมอย่างยั่งยืน และพันธกิจด้านการศึกษาที่มีระบบการเรียนการสอนเป็นจุดเด่นเฉพาะให้แก่นักศึกษาแพทย์ นักศึกษาพยาบาล นักศึกษาวิทยาศาสตร์สื่อความหมาย และนักศึกษาปฏิบัติการฉุกเฉิน "อย่างที่ทราบกันว่า ระบบการให้บริการรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยในปัจจุบัน ค่อนข้างมีความรวดเร็วและมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น หากเราสามารถพัฒนาจากจุดบกพร่องที่เกิดขึ้นจริงในระหว่างการให้บริการรักษาพยาบาล ต่อยอดให้เกิดเป็นผลงานนวัตกรรมที่นำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้ป่วยได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้ ก็จะทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้มาก เช่นเดียวกันกับการพัฒนาระบบการเรียนการสอนให้แก่นักศึกษาแพทย์ด้วยการนำนวัตกรรมมาใช้" โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวินิจฉัยรักษาในเบื้องต้นแก่ผู้ป่วยทางรังสีวินิจฉัยด้วยเครื่อง Ultrasound พกพาชนิดไร้สาย (Wireless) ที่สามารถเป็นเครื่องมือในการตอบโจทย์ปัญหาของเราได้ นั่นคือ เราสามารถนำเครื่อง Ultrasound พกพาชนิดไร้สาย ติดตัวไปได้ทุกที่เพื่อให้สามารถวินิจฉัยผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วทันท่วงที และในด้านการเรียนการสอน โดยการนำเครื่อง Ultrasound พกพาชนิดไร้สาย มาใช้สอนแก่นักศึกษาแพทย์ในชั้นปรีคลินิก ทั้งนี้การที่เราจะมีนวัตกรรมรูปแบบดังกล่าว มาใช้ในการเรียนการสอนในโรงเรียนแพทย์ได้นั้น จะต้องได้รับการสนับสนุนจากบริษัทที่เล็งเห็นถึงความสำคัญ ซึ่งบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) โดยคุณสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และคุณนลินี รัตนาวะดี ที่ปรึกษากิตติมศักดิ์มูลนิธิพลังงานไทย เข้าใจถึงความจำเป็นของเทคโนโลยีด้านการแพทย์ดังกล่าวจึงได้เข้ามาสนับสนุนงบประมาณในการจัดซื้อเครื่อง Ultrasound พกพาชนิดไร้สายนี้ จำนวน 200 เครื่อง มูลค่า 12 ล้านบาท นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผมและบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) มีความตั้งใจจะช่วยเหลือสังคมในสองด้านหลักๆ ด้วยกัน คือทางด้านการศึกษา และทางด้านเกี่ยวกับเครื่องมือทางการแพทย์" โดยที่ผ่านมาเราได้บริจาคเครื่องมือทางการแพทย์ให้กับโรงพยาบาลรัฐหลากหลายโรงพยาบาลด้วยกัน และการบริจาคเครื่องมืออัลตร้าซาวด์ชนิดพกพา แบบไร้สายในครั้งนี้ เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานกันระหว่างทั้งด้านการศึกษาและเรื่องการแพทย์อีกด้วย ทำให้นักศึกษาแพทย์รุ่นใหม่ๆ ที่ได้รับเครื่องมือนี้ไป จะได้ฝึกฝนและทำให้มีความชำนาญในการใช้เครื่ออัลตร้าซาวด์ตั้งแต่ในช่วงปรีคลินิก ซึ่งความชำนาญนี้ก็จะไปช่วยรักษาคนไข้ในห้องฉุกเฉินให้มีโอกาสที่จะมีชีวิตรอดมากยิ่งขึ้นได้ รองศาสตราจารย์นายแพทย์สิทธิ์ พงษ์กิจการุณ หัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึง Ultrasound เพื่อการเรียนรู้ในชั้นปรีคลินิก ว่าท่ามกลางยุคแห่ง Technology Disruption ที่หลายภาคส่วนต้องเร่งปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและเติบโต แต่สำหรับการดูแลสุขภาพ การเปลี่ยนแปลงของระบบดิจิทัลแบบฉับพลันนี้ ได้ผลักดันให้เทคโนโลยีทางการแพทย์มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด การศึกษาเรียนรู้ทางการแพทย์ก็มีความจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้สอดคล้อง ตอบโจทย์ และเท่าทันต่อบริบทของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว สำหรับหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล อาศัยโอกาสที่มี New (Disruptive) Technology อันได้แก่ เครื่อง Ultrasound พกพาชนิดไร้สาย (Portable Wireless Ultrasound)มาสร้างให้เกิด “นวัตกรรมในกระบวนการเรียนการสอน” ให้แก่ “นักศึกษาแพทย์ยุคดิจิทัล” โดยได้นำ Ultrasound พกพาชนิดไร้สาย มาใช้ร่วมในการเรียนการสอนนักศึกษาแพทย์ชั้นปรีคลินิก เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ ความเข้าใจในเนื้อหาด้านกายวิภาค สรีรวิทยา และพยาธิสภาพ รวมถึงกระตุ้นให้เกิดความคิดเชิงสร้างสรรค์ของนักศึกษาได้อย่างลึกซึ้งและผสมผสาน สร้างแรงบันดาลใจในการต่อยอดการเรียนรู้ในระดับสูงขึ้น รองศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ไชยพร ยุกเซ็น หัวหน้าภาควิชาเวชศาสตร์ฉุกเฉิน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึง Ultrasound ฉับไว ในผู้ป่วยฉุกเฉิน ว่า ในปัจจุบันห้องฉุกเฉินทุกโรงพยาบาลมีการใช้เครื่อง ultrasound เพื่อช่วยในการวินิจฉัยแต่ในปัจจุบันความก้าวหน้าของเวชศาสตร์ฉุกเฉินในประเทศไทยได้พัฒนาไปถึงการดูแลผู้ป่วยที่บ้านและก่อนมาถึงโรงพยาบาลให้เทียบเท่ากับการดูแลผู้ป่วยในห้องฉุกเฉินด้วยบุคลากรกลุ่มที่เรียกว่า Paramedic และเช่นกันเครื่อง ultrasound ก็อาจเป็นเป็นเหมือนตาคู่ที่ 2 ของ Paramedic ที่จะนำมาใช้ในการดูแลผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตนอกโรงพยาบาลเช่นกัน “เครื่อง ultrasound พกพาชนิดไร้สาย (portable wireless ultrasound) สามารถนำมาใช้ได้ทั้งในห้องฉุกเฉินและการดูแลผู้ป่วยก่อนมาถึงโรงพยาบาล การนำเครื่อง ultrasound พกพาชนิดไร้สาย มาใช้ในการเรียนการสอนของหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิตและหลักสูตรฉุกเฉินการแพทย์ นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของการฝึกอบรมด้านการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศและจะเป็นต้นแบบการฝึกอบรมของสถาบันอื่นในประเทศไทยต่อไป” นศพ.พรลภัส เชนวรรณกิจ นักศึกษาแพทย์ ชั้นปีที่ 6 กล่าวถึงผลลัพธ์จากประสบการณ์การใช้เครื่อง Ultrasound พกพาชนิดไร้สาย ว่า ครั้งแรกที่ได้สัมผัสเครื่อง Ultrasound ชนิดพกพา ก็ทำให้รู้สึกได้ว่า เป็นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยมาก เป็นนวัตกรรมที่จะเป็นประโยชน์ในการวินิจฉัยรักษาผู้ป่วย ซึ่งจากประสบการณ์การใช้เครื่อง Ultrasound ชนิดพกพา มาแล้ว 1 เดือนในแผนกฉุกเฉิน ทำให้มีความสะดวกขึ้นมากในการวินิจฉัยอาการ โดยไม่ต้องรอคิวเข็นเตียงผู้ป่วยเพื่อใช้เครื่อง Ultrasound ขนาดใหญ่ที่มีใช้กันอยู่ และทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในขั้นตอนนี้เป็นเวลานาน ผู้ป่วยที่ประสบอุบัติเหตุมาเราสามารถใช้ Ultrasound เพื่อหาสาเหตุต่างๆที่สงสัยได้รวดเร็ว เช่น ภาวะปอดรั่ว-แตก ภาวะน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ หากเราทำการวินิจฉัยได้รวดเร็วและแม่นยำก็สามารถทำหัตถการช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ทันท่วงที ทั้งนี้ประโยชน์จากการได้ใช้เครื่อง Ultrasound ชนิดพกพา ยังทำให้ได้ฝึกฝนการทำ Ultrasound ได้มากขึ้น เนื่องจากมีเครื่องอยู่ในมือเรา สามารถทำในเวลาใดก็ได้ ค่อนข้างมีความสะดวก และจะเป็นประโยชน์อย่างมากเมื่อเรียนจบไปเป็นแพทย์อยู่ต่างจังหวัดที่อาจไม่มีคนคอยดูแลตลอดเวลา ทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น นอกจากนี้แล้ว การใช้เครื่อง Ultrasound ชนิดพกพา ยังสามารถบันทึกเป็นวิดีโอหรือรูปภาพไว้บนโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต ทำให้สามารถเรียกดูได้สะดวก เหมาะแก่การเรียนรู้และฝึกฝนเป็นอย่างยิ่ง การนำนวัตกรรมดังกล่าวนี้มาใช้ในการเรียนการสอนนับว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในด้านการศึกษาของนักศึกษาแพทย์ ที่สามารถเพิ่มความรู้ความสามารถและใช้ประโยชน์กับผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี