รมว.เกษตรฯ ปลื้ม!! ผลงานวิจัย กรมชลฯ โชว์นวัตกรรมเรือกำจัดวัชพืช ทำจากยางพารา สั่งเดินหน้าทำถนนยางทั่วประเทศ ดึงราคายางช่วยเหลือชาวสวนยาง เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 62 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานด้านการวิจัยส่งเสริมการใช้ยางพารา โดยมี ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน พร้อมด้วยผู้บริหารกรมชลประทาน ให้การต้อนรับ และนำเสนอผลงานวิจัยเพื่อส่งเสริมการใช้ยางพารา และการกำจัดวัชพืช ได้แก่ ทุ่นพลาสติก HDPE ปูด้วยแผ่นยางกันลื่น เรือนวัตกรรมกำจัดวัชพืชขนาดเล็ก ทุ่นยางพาราดักผักตบชวาและรางวัดปริมาณน้ำชลประทานจากยางพารา ณ บริเวณสำนักเครื่องจักรกล และสำนักวิจัยและพัฒนา กรมชลประทาน อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายเฉลิมชัย กล่าวว่า รัฐบาลนำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีฯ ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์ยางพารา ตามนโยบายในการส่งเสริมการใช้ยางพาราภายในประเทศเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยาง ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงเกษตรฯ ได้มีแนวทางและมาตรการในการช่วยเหลือชาวสวนยาง อาทิ โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกรชาวสวนยาง เป็นต้น อีกทั้ง ในวันนี้กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมชลประทาน ได้ดำเนินโครงการสนองนโยบายรัฐบาล โดยการนำยางพารามาใช้ในกิจกรรมของงานชลประทาน ซึ่งมีการคิดค้นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ อาทิ ทุ่นยางพาราดักผักตบชวา สามารถนำไปใช้ได้ทั้งฝาย หรือพื้นที่การเกษตรของเกษตรกร เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งกีดขวางเข้าไปสร้างความเสียหายในแหล่งน้ำ, ทุ่นพลาสติก HDPE ปูด้วยแผ่นยางกันลื่น ใช้ในกรณีเกิดอุทกภัย ถนนตัดขาด เคลื่อนย้ายง่าย, เรือนวัตกรรมกำจัดวัชพืชขนาดเล็ก และรางวัดปริมาณน้ำชลประทานจากยางพารา เป็นต้น นอกจากนี้ได้ให้กรมชลประทาน และกรมวิชาการเกษตร ไปศึกษาผลิตภัณฑ์สารชีวภัณฑ์ที่ใช้กำจัดผักตบชวา ที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งต้องมีการวิจัย ตรวจสอบเพื่อให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ “เชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์กับทั้งงานของชลประทานเอง ตลอดจนประชาชน เกษตรกร และชาวสวนยางทั้งระบบ คาดว่าหากโครงการนี้ผ่านความเห็นชอบของสำนักงบประมาณจะช่วยทำให้ราคายางขยับสูงขึ้น ซึ่งปัญหาผักตบสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจประเทศเป็นอย่างมาก และเน้นย้ำให้เดินหน้าโครงการทำถนนพาราซอยซีเมนท์ ทุกหมู่บ้านทั่วประเทศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางอย่างยั่งยืน ยกระดับราคายางพาราให้มีเสถียรภาพในระยะยาว” นายเฉลิมชัย กล่าว ด้าน ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทานได้สนองนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อส่งเสริมการใช้ยางพาราในหน่วยงานรัฐ โดยการนำยางพารามาใช้ในกิจกรรมของงานชลประทาน คือการคิดค้นนวัตกรรม ทุ่นพลาสติก HDPE ปูด้วยแผ่นยางกันลื่น โดยเนื้อวัสดุของทุ่นเป็น High Density Polyethylene ซึ่งเป็นพลาสติกประเภทพอลิเอทิลีน ที่มีค่าความหนาแน่นสูง ส่วนแผ่นสังเคราะห์ยางปูพื้นประกอบด้วย ยางธรรมชาติ 85% ยางสังเคราะห์ 5% และอื่นๆ 10% ใช้เป็นโป๊ะลอยน้ำจากทุ่น HDPE สำหรับเทียบเรือเพื่อใช้สัญจรในการปฏิบัติงาน ในอ่างเก็บน้ำ คลองชลประทาน หรือเขื่อนต่างๆ เรือกำจัดวัชพืชขนาดเล็ก มีคุณลักษณะเฉพาะและรูปแบบของเรือกำจัดวัชพืชขนาดเล็ก โครงสร้างและเปลือกเรือ ทำจากวัสดุอลูมิเนียมขึ้นรูปและเชื่อมประกอบ ขนาดความกว้าง 1.70 เมตร ความยาว 4.80 เมตร และความสูง 0.50 เมตร บุ้งกี๋สำหรับตักเก็บวัชพืช เป็นแบบตะแกรง ทำจากอลูมิเนียมผสม ขนาดความกว้าง 105 เซนติเมตร ความยาว 200 เซนติเมตร และความสูง 55 เซนติเมตร ล้อระหัด สำหรับขับเคลื่อนเรือให้เดินหน้า ถอยหลัง แบบเป็นอิสระต่อกัน เครื่องยนต์ต้นกำลังใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 13 แรงม้า สตาร์ทด้วยมอเตอร์ (มีแบตเตอรี่) และเชือกสตาร์ท ความเร็วในการเดินเรือ ไปได้ทั้งเดินหน้าและถอยหลังในน้ำ ประมาณ 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราความสิ้นเปลืองนำมันเชื้อเพลิง(เบนชิน) ประมาณ 2 ลิตร/ชั่วโมง หรือประมาณ 60 บาท ต่อชั่วโมง ใช้พนักงานควบคุม บนเรือ จำนวน 1 คน ความสามารถในการเก็บวัชพืช (ผักตบชวา) ประมาณ 60 ตัน/วัน ขึ้นอยู่กับสภาพของวัชพืชและความชำนาญของพนักงานควบคุมเรือ ทุ่นยางพาราดักผักตบชวา (Para.-Log Boom) เป็นผลงานศึกษา วิจัยและพัฒนาเพื่อนำไปใช้วางกั้นคลองชลประทานดักผักตบชวา โดยออกแบบให้ใช้เนื้อยางธรรมชาติ 30 กก.ต่อทุ่น มีความยาว 2 เมตร สามารถลอยตัวอยู่ที่ร้อยละ 50 ของเส้นผ่านศูนย์กลาง แผนการดำเนินงานในปี พ.ศ.2562 ติดตั้งในเขต ลุ่มน้ำเจ้าพระยา (พื้นทีสำนักงานชลประทานที่ 10 11และ12) และมีเป้าหมายขยายผลจัดทำทุ่นและติดตั้งทั่วประเทศ ในโครงการชลประทาน 200 โครงการๆ ละ 100 จุด เป็นจำนวน 340,000 ทุ่น หรือคิดเป็นน้ำหนักยางพาราทั้งสิ้น 10,200 ตัน อีกหนึ่งนวัตกรรม เป็นรางวัดปริมาณน้ำชลประทานจากยางพารา (Para.- Cutthroat flume) ใช้สำหรับวัดปริมาณน้ำของการเกษตรกรรมในเขตจัดรูปที่ดิน ทำให้เกิดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยอุปกรณ์มีขนาดความกว้างราง 0.20 เมตร ยาว 0.90 เมตร สูง 0.25 เมตร และมีแผนการผลิตจำนวน 1,000 ชุด คิดเป็นปริมาณยางที่ใช้ 10 ตัน “ทั้ง 4 ผลงานนวัตกรรมล้วนเป็นผลงานการคิดค้นและพัฒนาจากกรมชลประทาน ที่คิดค้นขึ้นมาสำหรับสนับสนุนการดำเนินงานในภารกิจของกรมชลประทานด้านต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” ดร.ทองเปลว กล่าว