พาณิชย์เดินหน้าเตรียมความพร้อมก่อนร่วมลงนามอาร์เซ็ปกับอีก 14 ประเทศสมาชิกปี 63 กางแผนประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนใช้ประโยชน์จากความตกลงเต็มที่ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า หลังจากผู้นำประเทศสมาชิกความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) 16 ประเทศ ร่วมกันออกแถลงการณ์ประกาศความสำเร็จการเจรจาอาร์เซ็ป เมื่อวันที่ 4 พ.ย.62 ที่กรุงเทพฯ สมาชิกอาร์เซ็ป 15 ประเทศ สามารถปิดการเจรจาจัดทำความตกลงอาร์เซ็ปทั้ง 20 บท และการเจรจาเปิดตลาดในส่วนที่สำคัญทุกประเด็นได้แล้ว พร้อมมอบให้คณะเจรจาไปเริ่มขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมาย เพื่อลงนามความตกลงอาร์เซ็ปปี 2563 ส่วนอินเดียยังมีประเด็นคงค้างที่จะต้องเจรจาต่อ ซึ่งสมาชิกอาร์เซ็ปจะทำงานร่วมกัน เพื่อหาข้อยุติในประเด็นคงค้างของอินเดียต่อไป โดยหลังจากนี้สมาชิกอาร์เซ็ปทั้ง 15 ประเทศจะจัดการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ เพื่อขัดเกลาถ้อยคำทางกฎหมายของความตกลงทั้ง 20 บท คาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2563 เพื่อให้ประเทศสมาชิกมีเวลาเพียงพอในการดำเนินกระบวนการภายในของตนเองให้เสร็จสิ้น เพื่อให้ทั้ง 15 ประเทศ สามารถลงนามร่วมกันได้ในปี 2563 ตามที่ผู้นำตั้งเป้าไว้ โดยในส่วนของไทยจะต้องดำเนินการขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ทั้งนี้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้กำหนดแผนการทำงาน เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจประชาชนทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเรื่องความตกลงอาร์เซ็ปได้แก่ จัดประชุมกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง วันที่ 14 พ.ย.62 ที่กระทรวงพาณิชย์ เพื่อให้ข้อมูลสำคัญที่ได้จากการเจรจา รวมทั้งมติของที่ประชุมผู้นำอาร์เซ็ป เมื่อวันที่ 4 พ.ย.ที่ผ่านมา และหารือการเตรียมการของฝ่ายไทย โดยมีนายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ที่ปรึกษาการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทยระดับเจ้าหน้าที่เป็นประธานการประชุม ขณะเดียวกันจะจัดสัมมนาใหญ่เรื่องอาร์เซ็ปวันที่ 16 ธ.ค.62 ที่กรุงเทพฯ และลงพื้นที่จัดสัมมนาต่างจังหวัดทั้ง 4 ภูมิภาคได้แก่ เชียงใหม่ สงขลา อุดรธานี และชลบุรี ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.63 เพื่อประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ข้อมูลความตกลงให้ประชาชนได้รับทราบ รวมถึงการเตรียมตัวใช้ประโยชน์จากความตกลงทุกมิติและการปรับตัวจากผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามเชื่อว่าแม้อินเดียจะยังไม่เข้าร่วมปิดดีลความตกลงอาร์เซ็ปขั้นนี้ แต่ความตกลงอาร์เซ็ปที่มีสมาชิก 15 ประเทศยังคงเป็นความตกลงการค้าเสรี(เอฟทีเอ)ฉบับใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน เนื่องจากมีประชากรรวมกันกว่า 2,200 ล้านคน หรือประมาณร้อยละ 30 ของประชากรโลกมีมูลค่า GDP กว่า 24.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณร้อยละ 28.96 ของ GDP โลก และมีมูลค่าการค้ารวมกว่า 10.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 27.22 ของมูลค่าการค้าโลก โดยปี 2561 ไทยกับประเทศสมาชิกอาร์เซ็ป 15 ประเทศ มีมูลค่าการค้ารวมประมาณ 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 57.31 ของการค้ารวมทั้งหมดของไทย โดยไทยมีมูลค่าการส่งออกไปประเทศสมาชิกกว่า 141,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 55.79 ของการส่งออกรวมของไทยและมีมูลค่านำเข้าจากประเทศสมาชิกกว่า 145,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 58.74 ของการส่งออกของไทย “อาร์เซ็ปจะช่วยสร้างแต้มต่อ ลดความซ้ำซ้อนเรื่องกฎถิ่นกำเนิดสินค้า ประสานกฎระเบียบและมาตรการทางการค้า ส่งผลให้มีการยอมรับกฎเกณฑ์ด้านมาตรฐานต่างๆระหว่างกัน และสร้างความเชื่อมโยงระหว่างห่วงโซ่การผลิตในภูมิภาคและในโลก” นอกจากนี้จะช่วยสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนในประเทศสมาชิกในสาขาที่ไทยมีศักยภาพอาทิ ก่อสร้าง ค้าปลีก ธุรกิจด้านสุขภาพ ธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์และบันเทิง ประเภทเทคนิคตัดต่อภาพและเสียง การผลิต แอนนิเมชั่น อีกทั้งอาร์เซ็ปจะช่วยสร้างโอกาสการส่งออกของไทยในตลาดใหม่ๆที่การทำเอฟทีเอระหว่างไทย อาเซียน และสมาชิกอาร์เซ็ปในช่วงที่ผ่านมายังเปิดตลาดไม่มากพอ โดยสินค้าที่คาดว่าไทยจะได้รับประโยชน์จากการที่สมาชิกอาร์เซ็ปเปิดตลาดเพิ่มเติมให้ไทยจากเอฟทีเอที่มีอยู่ในปัจจุบันเช่น เครื่องจักรและอุปกรณ์ไฟฟ้า พลาสติกและเคมีภัณฑ์ ยานยนต์และชิ้นส่วน ยางล้อ เส้นใย สิ่งทอ เครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์แป้งมันสัมปะหลัง และกระดาษ เป็นต้น