นายกฯ ชูวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง จ.ศรีสะเกษ หวังดันเป็นต้นแบบแปลงใหญ่ข้าวเพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ด้วยข้าวเป็นสินค้าสำคัญของประเทศไทยมาช้านาน เกษตรกรที่ประกอบอาชีพทำนามีสัดส่วนมากที่สุดเมื่อเทียบกับอาชีพด้านการเกษตรอื่นๆ รัฐบาลไทยจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตและศักยภาพในการผลิตของชาวนาอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมให้เกษตรกรได้รวมกลุ่มกันพัฒนาคุณภาพสินค้า และการจัดการด้านการตลาด โดยมุ่งหวังให้ชาวนาไทยมีรายได้อย่างเหมาะสม สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงได้เดินทางไปเป็นประธานในพิธีเปิดโรงอบความชื้นข้าวและทดสอบระบบการคัดคุณภาพข้าว ในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ณ วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง หมู่ 7 ตำบลดู่ อำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ โดยหวังจะผลักดันให้เป็นพื้นที่ต้นแบบสำหรับเกษตรกรในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาเครือข่ายเกษตรกรแปลงใหญ่ และขยายผลสู่พื้นที่อื่นๆ ต่อไปในอนาคต ในการนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้พบปะเยี่ยมเยียนเกษตรกรสมาชิกแปลงใหญ่จากจังหวัดศรีสะเกษและจังหวัดอื่นๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และได้ย้ำถึงความสำคัญของระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ในฐานะแรงขับเคลื่อนสำคัญของภาคการเกษตรไทยที่ทำให้เกษตรกรไทยสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ นอกจากนี้ยังได้มอบพันธุ์พืชผักให้เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย รวมถึงเยี่ยมชมกิจกรรมและนิทรรศการ ประกอบด้วย 1.นิทรรศการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ จัดแสดงผลการดำเนินงานและสินค้าพรีเมี่ยมของ 20 จังหวัดภาคอีสาน โดยแบ่งตามกลุ่มสินค้าออกเป็น 9 กลุ่มสินค้า ได้แก่ กลุ่มข้าว กลุ่มพืชไร่ กลุ่มไม้ดอกไม้ประดับ กลุ่มพืชผัก/ สมุนไพร กลุ่มไม้ผล กลุ่มหม่อนไหม กลุ่มไม้ยืนต้น กลุ่มประมง กลุ่มปศุสัตว์ และกลุ่มแมลงเศรษฐกิจ 2.นิทรรศการYoung Smart Farmer เป็นการจัดแสดงผลการดำเนินงานและสินค้าพรีเมี่ยมของเกษตรกร Young Smart Farmer ของแต่ละจังหวัด และกิจกรรมการจัดทำบันทึกข้อตกลง MOU ระหว่าง YSF ศรีสะเกษ กับ ห้าง บิ๊กซี ศรีสะเกษ 3.นิทรรศการด้านการส่งเสริมพืชทางเลือกใหม่ และการแปรรูป (กาแฟ) 4.นิทรรศการยุวเกษตรกรโรงเรียนบ้านกระเดาอุ่มแสง และ 5.นิทรรศการ Fair Trade (การค้าที่เป็นธรรม) โดยกลุ่มเครือข่าย Fair Tradeของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง เข้าร่วมโครงการแปลงใหญ่เมื่อปี พ.ศ.2559 โดยยึดหลักแนวคิดในการ มุ่งเน้นการลดต้นทุนการผลิต ด้วยการรวมกันจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี จัดหาปัจจัยการผลิต การทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ สารชีวภัณฑ์ ต่างๆ เพื่อนำมาใช้ในกระบวนการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ และให้ได้คุณภาพ มาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาดของผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีการนำเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรมาใช้ในกระบวนการผลิตข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและเกษตรกร ในชื่อโครงการ “ชุมชนพลังเกษตรสร้างสุขสยามคูโบต้า เกษตรทิพย์” นอกจากจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้แล้วยังช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตรได้เป็นอย่างดี สำหรับชนิดสินค้าที่กลุ่มผลิตได้แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. เมล็ดพันธุ์ข้าว 2.ข้าวสาร และ 3.ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าว จำหน่ายภายใต้ชื่อการค้า “ข้าวอินทรีย์ ลุงบุญมี สุระโคตร” ผ่านช่องต่างๆ เช่น เว็บไซต์ และงานจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าต่างๆ เช่น งาน OTOP และงาน Thaifex เป็นต้น โดยกลุ่มมีการพัฒนาการผลิต การแปรรูป และการตลาดอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างความเข้มแข็งในชุมชนชาวนาแล้ว สมาชิกยังได้รับผลตอบแทนสูงและมีรายได้มากขึ้น ทำให้มีความยั่งยืนในอาชีพการทำนาไปพร้อมๆ กัน โดยสินค้าหลักคือข้าวสารซึ่งเป็นสินค้าที่สร้างรายได้หลักของกลุ่ม มีสัดส่วนการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศกว่าร้อยละ 80 ซึ่งมีการสั่งซื้อแบบ pre-order กับตลาดยุโรปเป็นตลาดหลัก และอีกร้อยละ 20 จำหน่ายในประเทศ ปัจจุบันทางกลุ่มมีสมาชิกทั้งสิ้น จำนวน 1,258 ราย พื้นที่ปลูกข้าวรวมกัน 20,716 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 จำนวน 20,077 ไร่ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ 539 ไร่ ข้าวมะลินิล 63 ไร่ และข้าวมะลิแดง 37 ไร่ ซึ่งพื้นที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ระดับสากลมากมาย เช่น ผลิตภัณฑ์อินทรีย์ไทย (Organic Thailand) การรับรองผลิตภัณฑ์อาหารและออร์แกนิกของสหรัฐอเมริกา (USDA) มาตรฐาน FLO ID 27806 ของ FAIRETRADE และมาตรฐานระบบเกษตรอินทรีย์ของสหภาพยุโรป (EU-NOP) ปัจจุบันภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีกลุ่มแปลงใหญ่ จำนวน 3,016 กลุ่ม 10 กลุ่มสินค้า สมาชิก 233,115 ราย พื้นที่รวม 2,894,616 ไร่ ซึ่งจากการดำเนินกิจกรรมของกลุ่มในลักษณะแปลงใหญ่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในด้านรายได้ที่ทำให้เกษตรกรได้รับมูลค่าเพิ่มจากการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และการพัฒนาคุณภาพจนได้มาตรฐานอินทรีย์รวมมูลค่า 48.7 ล้านบาทต่อฤดูกาลผลิต หรือประมาณ 38,738 บาท/ครัวเรือน อีกทั้งกลุ่มเกษตรกรแปลงใหญ่ยังมีการใช้พื้นที่การเกษตรอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการทำกิจกรรมผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ การเพาะปลูกถั่วเหลืองอินทรีย์หลังฤดูการทำนา เพื่อปรับปรุงบำรุงดิน และเพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิก นอกจากนี้กลุ่มแปลงใหญ่วิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านอุ่มแสง ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอราษีไศล ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการถ่ายทอดความรู้ และให้บริการด้านการเกษตรแก่เกษตรกรในพื้นที่ โดยสมาชิกแปลงใหญ่ และเกษตรกรในพื้นที่ สามารถเข้ามาเรียนรู้แนวทางปฏิบัติจาก "ลุงบุญมี สุระโคตร” เกษตรกรต้นแบบในการถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีการผลิตสินค้าเกษตรให้ได้คุณภาพ และมาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาดเพื่อให้เกษตรกรมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในการประกอบอาชีพต่อไปอีกด้วย