โรคทรมาน น่ารำคาญ กับผื่นผิวหนังที่ทั้งคัน ยังเป็นปุ่มนูนๆ ปื้นๆ น่าเกลียด และยิ่งเป็นมากแพ้มากยิ่งอันตราย นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เผยว่า โรคลมพิษ เป็นโรคผิวหนังมีลักษณะเป็นผื่นหรือปื้นนูนแดง ไม่มีขุย มีอาการคัน เกิดขึ้นเร็วและกระจายตามตัว แขน ขา แต่ละผื่นมักจะคงอยู่ไม่นาน โดยมากมักไม่เกิน 24 ชั่วโมง ผื่นจะราบไปโดยไม่มีร่องรอย แต่อาจมีผื่นใหม่ขึ้นที่อื่นๆ ได้ โรคลมพิษแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ลมพิษเฉียบพลัน จะเป็นๆ หายๆ ติดต่อกันน้อยกว่า 6 สัปดาห์ เป็นลมพิษที่พบได้บ่อย สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากอาหาร ยา การติดเชื้อ 2. ลมพิษเรื้อรัง จะเป็นๆ หายๆ ต่อเนื่องกัน เกิน 6 สัปดาห์ เกิดจากอาหาร ยา ติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อราหรือมีพยาธิ โรคระบบต่อมไร้ท่อ เช่น โรคต่อมไทรอยด์ อิทธิพลทางกายภาพ เช่น ความร้อน ความเย็น น้ำหนักกดรัด แสงแดด ออกกำลังกาย แพ้สารที่สัมผัส เช่น แพ้ยาง ขนสัตว์ พืช หรืออาหารบางชนิด แพ้พิษแมลง เช่น ต่อต่อย แต่มีข้อสังเกต คือแต่ละผื่นอยู่นานมักเกิน 24 ชั่วโมง พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า อาการเป็นผื่นหรือปื้นนูนแดง ไม่มีขุยขอบเขตชัดเจน มีขนาดต่างๆ ได้ตั้งแต่ 0.5 – 10 เซนติเมตร เกิดขึ้นเร็ว และกระจายตามตัว แขน ขา รอบตา ปาก มีอาการแดง บวม ร้อน คัน บางครั้งอาจเจ็บร่วมด้วย ผื่นมีหลาย รูปแบบ เช่น กลม รี วงแหวน วงแหวนหลายวงมาต่อกัน หรือเป็นรูปแผนที่ รายที่เป็นรุนแรงจะบวมมาก โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า และลำคอ ผู้ป่วยบางรายอาจมีริมฝีปากบวม บางราย ปวดท้อง แน่นจมูก หายใจไม่สะดวก รายที่เป็นรุนแรงอาจมี อาการหอบหืด เป็นลมจากความดันโลหิตต่ำได้ แต่พบได้น้อยมาก การรักษาโรคลมพิษ พยายามหาสาเหตุ และรักษา หรือหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ทำให้เกิด ถ้าสามารถทำได้ ผู้ป่วยจะหายจากโรคลมพิษ ให้ยาต้านฮีสตามีน ซึ่งยาต้านฮีสตามีนมีหลายชนิด หลายกลุ่มมีทั้งออกฤทธิ์ยาว ทั้งที่ง่วงและไม่ง่วง การเลือกใช้ยาต้านฮีสตามีนตัวใด รวมทั้งการรับประทานยาต้านฮีสตามีนระยะยาวควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ยาอื่นๆ ในกรณีผู้ป่วยมีอาการมาก ผื่นไม่ค่อยตอบสนองต่อยาต้านฮีสตามีน อาจพิจารณาใช้ยาอื่นที่มีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างและหลั่งสารสื่อกลางในผิวหนังที่เป็นตัวการที่ก่อให้เกิดผื่นลมพิษ ผู้ป่วยลมพิษ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ แพทย์จะหาสาเหตุจากการซักประวัติผู้ป่วย การตรวจร่างกาย และการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ตามความจำเป็น ซึ่งหากพบสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคลมพิษ และหลีกเลี่ยงหรือรักษาสาเหตุนั้นได้ จะทำให้โรคลมพิษสงบลงหรือหายได้ สำหรับคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่มีผื่นลมพิษที่ผิวหนัง ให้งดสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดลมพิษตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด ต้องนำยาต้านฮีสตามีนติดตัวไว้เสมอ เมื่อเกิดอาการจะได้ใช้ได้ทันที ทำจิตใจให้สบายไม่เครียด ไม่แกะเกาผิวหนัง เนื่องจากอาจทำให้ผิวหนังอักเสบ รับประทานยาตามแพทย์สั่ง หากยาทำให้ง่วง ซึม จนรบกวนการทำงาน ควรบอกแพทย์เพื่อเปลี่ยนยา ถ้าเป็นลมพิษที่มีอาการรุนแรง มีอาการแน่น หายใจไม่สะดวก หรือเป็นเรื้อรัง ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยด่วน