เรื่อง :พัชรพรรณ โอภาสพินิจ
ภาพ : เอื้อเฟื้อภาพโดย อรมน ทรัพย์ทวีธรรม
“ช่วงที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 สวรรคต ได้มีโอกาสค้นคว้าข้อมูล เพื่อทำนิทรรศการเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาของพระองค์ท่าน ก็ทำให้เห็นว่าคำสอนของพระองค์ท่าน อย่างเช่นเรี่องเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำมาใช้ได้จริงๆ ในชีวิตประจำวันของเรา เพราะหลายๆ ครั้ง ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร แต่ถ้าคุณมีความรู้สึกว่าคุณทำงานเต็มที่แล้วก็สามารถที่จะมีความสุขตามอัตภาพที่เป็นอยู่มันก็จะมีความสุข”
“ตอนที่เราจะไปศึกษาต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ เราจำภาพได้เลยว่าทุกคนดีใจ พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนฝูงมาส่งที่สนามบิน เพื่อนๆ ยังมาร้องเพลงบูมให้เรา ภาพขณะนั้นยังฝังใจ ทุกคนอวยพร และคิดว่าเราจะไปได้ดีประสบความสำเร็จกลับมา เพราะฉะนั้นเรื่องเหล่านี้เป็นแรงผลักดันให้เรารู้สึกว่าอย่างไรก็ต้องสู้” เสียงของผู้หญิงเก่งอีกคนจากกระทรวงพาณิชย์ที่กำลังเล่าถึงกำลังใจให้ฮึดสู้ เมื่อครั้งที่ต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนเพื่อไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ
“อรมน ทรัพย์ทวีธรรม” รองอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ และ “สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ” หรือ สปท. และเนื่องด้วยวันสตรีสากลเพิ่งผ่านไปไม่นาน ดังนั้นวันนี้ “รื่นรมย์คนการเมือง” จะพาผู้อ่านทุกท่านไปทำความรู้จักกับสมาชิกสปท.หญิงที่การันตีความเก่งด้วยตำแหน่งรองอธิบดีกันให้มากขึ้น
@รู้จักผู้หญิงเก่ง
เมื่อถามถึงเรื่องราวชีวิตของอรมน เธอเล่าว่าพื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ โดยกำเนิด มีน้องสาว 2 คน เป็นหมอและหมอฟัน โดยคุณพ่อเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียน และคุณแม่เป็นอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัย ซึ่งอยู่ในแวดวงการศึกษา ทำให้เข้มงวดในเรื่องแนวทางการศึกษาของลูกๆ ตอนเด็กๆ ได้เข้าศึกษาระดับประถมศึกษาถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสอบเข้าศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
หลังจากเรียนจบจึงสอบเอ็นทรานซ์เข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย และติดที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเริ่มเรียนได้ประมาณ 2-3 เดือน ด้วยความที่คุณพ่อคุณแม่เป็นอาจารย์ และขณะนั้นมีทุนศึกษาต่อที่ Victoria University of Wellington ประเทศนิวซีแลนด์ ท่านทั้งสอง จึงได้ผลักดันให้สอบชิงทุน และในที่สุดสามารถสอบชิงทุนได้สำเร็จ จึงขอดรอปที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อไปศึกษาต่อ และได้เลือกเรียนเกี่ยวกับบัญชีและเศรษฐศาสตร์
“ตอนอยู่ประเทศไทย เราอาจรู้สึกว่าเราเรียนเก่งพอสมควร แต่พออยู่ที่นิวซีแลนด์มันพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เราต้องเข้าศึกษาระดับมหาวิทยาลัยเลย ซึ่งต้องปรับตัวเยอะ ในเมืองไทยจะมีรุ่นพี่รุ่นน้อง มีเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูลกัน แต่ต่างประเทศจะเป็นระบบต่างคนต่างอยู่ เราไปใหม่ๆ เราฟังครูสอนไม่ทัน เพราะพูดเร็วมาก ก็ต้องมีการอัดเทป กลับมาฟังซ้ำ จากที่เรียนไม่เคยสอบตก บางวิชาที่ใช้ภาษาเยอะก็สอบตก ส่วนวิชาคำนวณจะเป็นวิชาที่เราทำคะแนนได้ดี”
@กำลังใจในต่างแดน
อรมน เล่าถึงอดีตเมื่อครั้งที่ไปศึกษาต่อในต่างประเทศว่า เวลาที่รู้สึกท้อถอย ก็จะนึกถึงภาพที่ทุกคนมาส่งเราที่สนามบิน ทุกคนดีใจ ภาพขณะนั้นยังฝังติดอยู่ ทุกคนอวยพร และคิดว่าเราจะไปได้ดีประสบความสำเร็จกลับมา เพราะฉะนั้นเรื่องเหล่านี้เป็นแรงผลักดันว่าอย่างไรก็ต้องสู้ สำหรับความฝันในวัยเด็กนั้น ตอนเด็กๆ เคยประกวดวาดภาพสีเทียน ซึ่งได้รับรางวัลชมเชยจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ในหัวข้ออนาคตของฉัน ตอนนั้นอยากเป็นแอร์โฮสเตส เราก็วาดภาพตามความรู้สึกของเรา ช่วงนั้นเป็นปีเดียวกับที่เด็กไทยได้รางวัลชนะเลิศ ทำให้มีรายการทีวีเชิญไปออกรายการ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ทำให้เราจดจำมาถึงทุกวันนี้
“ ด้วยความที่พี่ตื่นเต้น ตอนนั้นพิธีกรก็ถามว่าทำไมถึงวาดภาพนี้ เราก็ไม่ได้ตอบ เพราะพูดไม่ออก ไม่มีเสียงพูด เลยพูดไปแค่ ขอโทษค่ะหนูเป็นหวัด ก็ถือเป็นประสบการณ์ที่สอนเรา หลังจากนั้นพอทำงาน มันจะค่อยๆ สอนเราว่าไม่ต้องตื่นเต้นจะออกสื่อ พูดต่อหน้าคนหมู่มากก็ทำตามปกติ”
@ชีวิตราชการพานพบคู่ชีวิต
การศึกษาต่อในขณะนั้นเนื่องจากเป็นทุนให้เปล่ากับรัฐบาลไทย พอเราจบการศึกษาก็จะมีหน่วยงานที่ดูแลคอยจัดสรรเด็กทุนให้กับกระทรวงต่างๆ ซึ่งเราก็ได้มาอยู่ในกระทรวงพาณิชย์ ด้วยหน้าที่การงานก็ทำให้เราได้พบรักกับสามี ซึ่งได้มีโอกาสพบกันในการทำงานและได้แต่งงานกันในที่สุด ตอนนี้ชีวิตครอบครัวก็ราบรื่น ถึงแม้ไม่มีลูก แต่เราก็มีสุนัขคู่ใจ
สำหรับกิจกรรมยามว่างของครอบครัว ในวันหยุดเราจะตื่นเช้ากว่าวันธรรมดามาก เพื่อไปออกกำลังกายโดยการปั่นจักรยานกัน ก่อนนอนก็ จะชอบอ่านหนังสือ ทั้งนิยาย อัตชีวประวัติของบุคคลต่างๆ หรือหนังสืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่หนังสือวิชาการอย่างเดียว
@บทบาทสปท.
อรมน กล่าวถึงความภูมิใจในการรับหน้าที่สปท. ว่าถือเป็นโอกาสดีและโชคดีที่ได้อยู่ในคณะกรรมาธิการด้านเศรษฐกิจ เพราะตรงกับลักษณะงานกับที่เราทำอยู่ สิ่งที่ทำปัจจุบันเข้ากับสิ่งที่เป็นนโยบายรัฐบาลพอดี และยิ่งเราทำงานในกรมทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้เราได้รู้ว่าเรื่องที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ ก็ต้องมาจดสิทธิบัตร งานออกแบบมาจดสิทธิบัตรการออกแบบ งานสร้างแบรนด์ ต้องมาจดเครื่องหมายการค้า สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญมากที่ทำให้ประเทศถูกเรียกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว
“ด้วยความที่กระทรวงพาณิชย์จะเป็นกระทรวงที่มีผู้หญิงเก่งๆ หลายคน ทั้งอธิบดี ปลัดกระทรวงหลายคนที่ผ่านมาเป็นผู้หญิง เรามีความรู้สึกว่าเขาเป็นผู้หญิงนะ เขามีครอบครัวแต่สามารถบริหารจัดการชีวิต และทำงานอย่างมีความสุข เขาสอนงานเรา เราจึงโตมาจากการดูตัวอย่างจากหัวหน้า และรุ่นพี่ที่ทำงาน เราเองก็จะพยายามสอนรุ่นน้องว่าให้ทำงานอย่างสนุก มีความสุขกับงาน เพราะส่วนหนึ่งมาจากการสอนงานจากเจ้านาย ตั้งแต่เราเด็กๆ”
@อีกหนึ่งฟันเฟือง
การที่เราได้มาอยู่ ณ จุด นี้ ทำให้เรามีโอกาสทำในสิ่งที่เราอยากเห็นว่าประเทศควรเป็นอย่างไร เราสามารถมีส่วนร่วมและผลักดันได้ เราจึงใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ ทั้งงานในส่วนของสปท.เอง เราได้มีส่วนนำเสนอรายงานเรื่องการปฏิรูปทรัพย์สินทางปัญญา และบางเรื่องถึงแม้เราไม่ได้เสนอ แต่ก็จะช่วยให้ความเห็น ยกตัวอย่าง บางครั้งเรามีโอกาสได้ใช้บริการรถแท็กซี่ ก็ได้พูดคุยกับคนขับรถ ทำให้เห็นว่าบางครั้งการทำงาน ถึงแม้เราจะทำงานเชิงวิชาการ แต่เราต้องหาโอกาสใกล้ชิดกับกลุ่มคนที่ได้รับผลจากงานของเรา ทำให้เราเห็นว่าเขามีมุมมองอย่างไร ข้อมูลบางข้อมูลอาจไปถึงเขาไม่เต็มที่ ดังนั้นต้องพยายามกระจายข้อมูลให้เขาเข้าถึง และสร้างความเข้าใจกับเขา
@มองอนาคตประเทศ
สิ่งที่อยากเห็นในอนาคต คืออยากเห็นประเทศก้าวหน้าด้วยนวัตกรรม มีการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ ก้าวไปสู่การพัฒนา ขณะเดียวกันการพัฒนาต้องกระจายให้ครอบคลุมคนในวงกว้าง
“ช่วงที่ในหลวง รัชกาลที่ 9 สวรรคต ได้มีโอกาสค้นคว้าข้อมูล เพื่อทำนิทรรศการเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาของพระองค์ท่าน ก็ทำให้เห็นว่าคำสอนของพระองค์ท่าน อย่างเช่นเรี่องเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำมาใช้ได้จริงๆ ในชีวิตประจำวันของเรา เพราะหลายๆ ครั้ง ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพอะไร แต่ถ้าคุณมีความรู้สึกว่าคุณทำงานเต็มที่แล้วก็สามารถที่จะมีความสุขตามอัตภาพที่เป็นอยู่มันก็จะมีความสุข”