ตะลึงกันไปทั้งวงการพระเครื่อง และแวดวงพุทธศาสนิกชน เมื่อ "มูลนิธิศิษย์หลวงปู่หมุน" เปิดตัว และให้เปิดจองพระรุ่นใหม่ มีการนำ "พริตตี้" แต่งตัววาบหวิว เหมือนที่เห็นทั่วไปในงานมอเตอร์โชว์ เดินชูภาพ หลวงปู่หมุน พระอริยสงฆ์ แถมมีการจับสลากเลือกหมายเลขพระ โดย "พยัพ คำพันธุ์" นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย ทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ ทั้งๆ ที่จริงแล้ว ควรจะตำหนิถึงความไม่เหมาะสมมากกว่า พระพุทธรูป พระเครื่อง พระสงฆ์องค์เจ้า เป็น "ของสูง" ที่ไม่ควรเอาเรื่องเกี่ยวกับกิเลส กามารมณ์ มาเกี่ยวข้อง แต่ ณ วันนี้ เข้ามาเต็มตัว ตอกย้ำให้เห็นถึง "วิถีพุทธพาณิชย์" ที่เป็น "ธุรกิจ" เต็มรูปแบบ เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เกิดขึ้น! พ.ต.ท. ระพิน ชาติไทย ประธานมูลนิธิศิษย์หลวงปู่หมุน ได้โพสต์ใน Facebook ของตนเองว่า ต้องกราบขออภัยคณะศิษยานุศิษย์ และผู้ศรัทธา ในเหตุการณ์ที่มีการนำพริตตี้เข้ามาในงานวันเปิดจองพระ ในงานดังกล่าวมีผู้มีจิตศรัทธาได้อาสาจัดจ้างทีมงานทีมหนึ่งเพื่อประชาสัมพันธ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ตัวผมเคยเห็นการทำงานของทีมงานดังกล่าวในการใช้รูปแบบที่เกิดขึ้นในวันจอง เพื่อทำการโปรโมทพระเครื่องในรุ่นอื่นก่อนหน้านี้ และไม่มีเหตุขัดแย้งใดๆ ผมจึงได้มอบให้ผู้ที่อาสาจะช่วยเป็นผู้ดำเนินงานไป ผมเองไม่ได้มีเจตนาที่จะลบหลู่ครูบาอาจารย์ และเห็นว่าเคยมีการจัดงานในรูปแบบนี้มาก่อนจึงไม่ได้คิดว่าจะเกิดประเด็นให้เป็นที่โต้แย้ง ผมยอมรับว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จึงต้องขอกราบอภัยในเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างสูง และต่อไปจะระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกครับ แต่พอข่าวเผยแพร่ไปในโซเชียล เน็ตเวิร์ค คนก็พากันตั้งคำถามว่า มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงได้เสื่อมทรุดถึงขนาดนี้ ถ้าคนเล็กๆ ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม เป็นคนทำ ก็คงไม่เท่าไหร่ แต่นี่ในงานมีแต่คนมีหน้ามีตาในแวดวงพระเครื่องพระบูชาไทย รับรู้ด้วยกันทั้งหมด อยากถามว่า จากนี้ต่อไป คนจะกล้าบูชาพระที่คนเหล่านี้จัดสร้างต่อไปอีกหรือไม่ เพราะแค่ ความเคารพนอบน้อมต่อพระ ยังไม่มีเลย ความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ จะมีมาได้อย่างไร แล้วคนที่บูชาพระไปก่อนหน้านี้ จะเสื่อมศรัทธากันมากน้อยแค่ไหน? เมื่อสอบถามไปยังแวดวง ลูกศิษย์หลวงปู่หมุน ทุกคนก็บ่น พากันบอกว่า ไม่น่าทำขนาดนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ ทางมูลนิธิหลวงปู่หมุน เอง ก็มีเรื่องเข้าไปเกี่ยวข้องระหว่าง "ศึกแย่งชิงสรีระหลวงปู่หมุน" ระหว่าง "ทายาท" กับ "วัดบ้านจาน" ว่าใครเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสรีระกันแน่ สุดท้าย เรื่องก็จบลงตรงที่ว่า ให้ทางวัด กับ ทายาท มีหน้าที่ดูแลร่วมกัน...เรื่องราวน่าจะจบ! แต่ที่ทางชาวบ้านยัง "ค้างคาใจ" กันอยู่ก็คือ หลังจากเรื่องราวทั้งหมดจบลง กลายเป็นว่า "มูลนิธิศิษย์หลวงปู่หมุน" เป็นผู้มีสิทธิ์ชี้ขาดพระเครื่องหลวงปู่หมุน ในนามสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย แต่เพียงผู้เดียว บทสรุป ณ วันนี้ สมาคมศิษย์หลวงปู่หมุน ได้กลายเป็นผู้ "ผูกขาด" การชี้ขาดพระเครื่องหลวงปู่หมุน แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งจริงๆ แล้วก็มี ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด พระสงฆ์ในวัด และผู้อุปัฏฐากหลวงปู่หมุน มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ที่สามารถชี้ขาดพระเครื่องรุ่นต่างๆ ของ หลวงปู่หมุน ได้เป็นอย่างดี เพราะหลายรุ่น ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด ก็มีส่วนร่วมในการจัดสร้าง เอาเป็นว่า การออกพระเครื่อง ในเชิงพุทธพาณิชย์ จากนี้ต่อไปคงไม่มีใครให้ค่านิยมเหมือนในอดีต เพราะ "ความเสื่อม" ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทำให้ คนไทยพุทธ พากันส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา...