อีกหนึ่งความมหัศจรรย์ในห้วงอวกาศที่ชาวโลกได้รับรู้จากวิทยาการที่ทันสมัยขึ้น และด้วยแรงกายแรงใจแรงบันดาลใจของนักดาราศาสตร์ที่พยายามจะถอดรหัสและถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในจักรวาล สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan Page ได้โพสต์เรื่องราวน่าตื่นตาตื่นใจในห้วงอวกาศรับเทศกาลฮาโลวีน กับ 'กระบวนการแวมไพร์ คืนชีพดาวฤกษ์!' โดยระบุ กระบวนการแวมไพร์ (Vampirism) คือ การถ่ายเทมวลของระบบดาวคู่ในกระจุกดาวทรงกลม ส่งผลให้ดาวฤกษ์อายุมาก (สีแดง) กลับมาร้อนและสว่างเป็นดาวอายุน้อย (สีน้ำเงิน) อีกครั้ง เนื่องจากดาวฤกษ์กลุ่มนี้มีวิวัฒนาการไม่เป็นไปตามวิวัฒนาการของดาวฤกษ์ในแถบลำดับหลัก จึงถูกเรียกว่า “ดาวแปลกพวกสีน้ำเงิน (Blue Straggler)” 'ดาวฤกษ์อายุมาก ดาวฤกษ์อายุน้อย คืออะไร ต่างกันอย่างไร ?' จากแผนภาพ (1) จะเห็นว่าดาวฤกษ์ส่วนใหญ่เรียงตัวอยู่ในแถบลำดับหลัก (Main Sequence) สีของดาวบ่งบอกถึงอุณหภูมิและอายุ ดาวฤกษ์ที่มีอายุน้อยจะมีอุณหภูมิที่ผิวสูง มีสีน้ำเงินและสว่างมาก ส่วนดาวฤกษ์ที่มีอายุมากจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าและมีสีแดง ดาวฤกษ์ที่มีมวลมาก เมื่อมีแรงดันจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ภายในแกนกลางมากกว่าแรงโน้มถ่วง จะเกิดการขยายตัวของแก๊ส ผลักดันให้ตัวดาวขยายใหญ่กว่าปกติมากและวิวัฒนาการออกจากแถบลำดับไปเป็น “ดาวยักษ์แดง (Red Giant)” ส่วนดาวฤกษ์มวลน้อย เมื่อขยายตัวจนแรงดันจากแกนกลางหยุดผลักดัน ดาวจึงยุบตัวอย่างรวดเร็วด้วยแรงโน้มถ่วง ทำให้มวลสารอัดแน่นจนเหลือขนาดเล็กมากเรียกว่า “ดาวแคระขาว (White Dwarf)” ส่วนเนื้อสารของดาวจะถูกแรงดันของแก๊สร้อนสาดกระจายกลายเป็น “เนบิวลาดาวเคราะห์ (Planetary Nebula)” 'ทำไมปรากฏการณ์แวมไพร์เกิดในกระจุกดาวทรงกลม ?' กระจุกดาวทรงกลม (Globular Cluster) ประกอบด้วย ดาวฤกษ์อายุมากรวมตัวกันอย่างหนาแน่นตั้งแต่แสนดวงไปจนถึงหลายล้านดวง ดาวฤกษ์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นมาพร้อมกันในยุคแรก ๆ ของกาแล็กซีทางช้างเผือก คาดว่ามีอายุประมาณ 12,000 - 13,000 ล้านปี การก่อตัวของดาวฤกษ์ในกระจุกดาวทรงกลมนั้นสิ้นสุดลงเมื่อ 13,000 ล้านปีก่อน นักดาราศาสตร์จึงใช้อายุของดาวฤกษ์ในกระจุกดาวทรงกลมเป็นมาตรฐานวัดอายุของเอกภพ กระจุกดาวทรงกลมส่วนใหญ่ประกอบด้วยดาวฤกษ์อายุมากสีส้มหรือสีแดง แต่กระจุกดาวทรงกลมบางกระจุกมีดาวฤกษ์อายุน้อยสีน้ำเงินปะปนอยู่ด้วย ในปี พ.ศ.2496 แอลลัน เซนเดจ (Allan Sandage) นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน ค้นพบดาวฤกษ์สีน้ำเงินในกระจุกดาวทรงกลม M3 เป็นครั้งแรก โดยคาดว่าดาวฤกษ์สีน้ำเงินอาจจะยังไม่วิวัฒนาการ ขัดแย้งกับดาวฤกษ์ส่วนใหญ่ในกระจุกดาว จึงเรียกดาวฤกษ์เหล่านี้ว่า ดาวแปลกพวกสีน้ำเงิน ต่อมา นักดาราศาสตร์ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลศึกษากระจุกดาวทรงกลม M30 (2) พบว่า ดาวฤกษ์สีน้ำเงินเป็นดาวฤกษ์อายุมาก คาดว่าเกิดจากดาวฤกษ์ที่เข้าใกล้กันมากจนเกิดเป็นระบบดาวคู่ ดาวฤกษ์มวลน้อยกว่าจะดูดไฮโดรเจนของดาวฤกษ์ที่มวลมากกว่า ทำให้ดาวมวลน้อยสามารถเพิ่มความร้อนมากขึ้นเหมือนดาวที่เพิ่งเกิดใหม่และมีมวลเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของมวลดาวฤกษ์เฉลี่ยในกระจุกดาว (3) จึงคล้ายกับแวมไพร์ (ผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรป) ที่ดูดเลือดของมนุษย์เพื่อต่อชีวิตให้กับตัวเองนั่นเอง เรียบเรียง : กฤษดา รุจิรานุกูล - เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สดร. อ้างอิง :  https://phys.org/…/2009-12-vampires-collisions-rejuvenate-s… https://hubblesite.org/…/news-releas…/2011/news-2011-16.html https://www.messier-https://www.messier-objects.com/messier-30/objects.c...” ขอบคุณเรื่อง-ภาพ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ Fan page