เมื่อพุธ ที่30ตุลาคม 2562เวลา 09.00น. ที่อาคารรัฐสภา(เกียกกาย) นายมานพ ปัทมาลัย นายกเทศมนตรีตำบลท่ามะเขือ ในฐานะนายกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยนายจรัญ วงศ์สวัสดิ์ เลขาธิการสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย นำกรรมการบริหารสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ประกอบด้วยนายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา, นายสมาน ศิลาแดงนายกเทศมนตรีตำบลเจริญศิลป์, นายไชยยศ ไชยพฤกษ์ นายกเทศมนตรีตำบลอุ่มเม้า, นางสาวปิยนุช ไชยกุล นายกเทศมนตรีตำบลแม่จัน, นายมนูญ บูรณพัฒนา นายกเทศมนตรีตำบลยางเนิ้ง, นายแสน ผิวลออ นายกเทศมนตรีตำบลวังยาง, นายเจษฎา ศรุติสุต นายกเทศมนตรีตำบลศรีพนมมาศ, ดร.ยอดยิ่ง จันทนพิมพ์ นายกเทศมนตรีเมืองศิลา, นางอภิสมา โพธารากุล นายกเทศมนตรีตำบลท่ามะกา, นายทรงยศ อรัญยกานนท์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าผา, นายรัตนชัย ไชยคำมี นายกเทศมนตรีตำบลโนนบุรี, นายปณพล ภูมิวัตร นายกเทศมนตรีตำบลหนองเม็ก, นายพิณโย ขวัญเซ่ง นายกเทศมนตรีตำบลจองถนน, นายจิราวัจน์ เจริญนิธิโภคิน นายกเทศมนตรีเมืองระนอง, นายธีระกิจ หวังมุทิตากุล นายกเทศมนตรีนครสุราษฎร์ธานี, นายสิงห์ทอง หนุนนำสิริสวัสดิ์ นายกเทศมนตรีตำบลเวียงเทิง, นายยุทธนินทร์ สุวรรณอำไพ ปลัดเทศบาลเมืองสระบุรี, นายบุญยอด มาคล้าย นายกเทศมนตรีหาดเจ้าสำราญ เข้าพบ นายซูการ์โน มะทา ประธานคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ เพื่อเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องให้ประธานฯและคณะกรรมาธิการได้ศึกษาข้อเสนอของสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยจำนวน5เรื่อง ประกอบด้วย 1.เรื่องพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพ.ศ.2562ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่1มกราคม2563 ซึ่งสำนักงบประมาณคาดว่าเมื่อพระราชบัญญัตินี้บังคับใช้ท้องถิ่นสามารถจัดเก็บรายได้มากขึ้น สำหรับท้องถิ่นที่เป็นผู้ปฏิบัติพบว่ารายได้ที่จะเก็บได้เพิ่มขึ้นนั้นจะเพิ่มเฉพาะอปท.ที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งมีจำนวนหลักร้อยแห่งเท่านั้น แต่อปท.ที่มีขนาดเล็กจำนวน7,000กว่าแห่งนั้น จะมีรายได้ในการจัดเก็บลดลงเพราะพื้นที่อปท.ขนาดเล็กและขนาดกลางไม่มีองค์ประกอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่มีมูลค่าเกิน50ล้าน ด้วยความเห็นของท้องถิ่นผู้จัดเก็บและสำนักงบประมาณมีความเห็นแตกต่างกัน สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย จึงขอให้ประธานฯและคณะกรรมาธิการได้ศึกษาพระราชบัญญัติดังกล่าว หากพบว่าท้องถิ่นส่วนใหญ่จะจัดเก็บรายได้ไม่เป็นไปตามที่สำนักงบประมาณคาดไว้จากเดิม75,750ล้านบาท สำนักงบประมาณตั้งเพิ่มขึ้น115,990ล้านบาท จะมีส่วนต่างที่สูงขึ้น40,240ล้านบาท  สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยขอให้ประธานฯเสนอสำนักงบประมาณหามาตรการเยียวยาและชดเชยรายได้ให้ท้องถิ่นด้วย 2.ขอให้ยกเลิกการตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการขยายเขตไฟฟ้า 3.ขอให้ยกเลิกการตั้งงบประมาณเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการขยายเขตประปาสาธารณะ การไฟฟ้าและการประปาถือเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นองค์การที่รัฐบาลเป็นเจ้าของมีหน้าที่ให้บริการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพื่อสนองนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนควรมีส่วนในการรับผิดชอบประชาชนร่วมกันในการที่ประชาชนต้องมีไฟฟ้าและประปาใช้ทุกครัวเรือนแต่ที่ผ่านมาใช้เงินอุดหนุนจากท้องถิ่นเป็นค่าดำเนินการเพื่อขยายเขตไฟฟ้าและประปาสาธารณะ แต่ภายหลังดำเนินการทรัพย์สินดังกล่าว ตกเป็นของรัฐวิสาหกิจ สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยจึงขอให้ประธานคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษได้พิจารณาศึกษาและตรวจสอบข้อเท็จจริง หากเห็นด้วยเห็นควรเสนอให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขระเบียบดังกล่าว 4.การปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่นายกเทศมนตรี สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ขอให้ประธานคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น และการบริหารราชการรูปแบบพิเศษ ได้พิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่นายกเทศมนตรีให้สอดคล้องกับการร่วมงานพระราชพิธี เป็นการขอตามระเบียบให้มีความเหมาะสมเป็นธรรม และเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนในท้องถิ่นเป็นเครื่องหมายแสดงการเชิดชูเกียรติแห่งการทำความดีในฐานะผู้บังคับบัญชา ผู้บริหารสูงสุดของเทศบาล ดังนี้ 1)นายกเทศมนตรีตำบลขอพระราชทานสาย1ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย(ป.ม.) 2)นายกเทศมนตรีเมือง ขอพระราชทานสาย2ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก(ป.ช) 3)นายกเทศมนตรีนคร ขอพระราชทานสาย3ชั้นมหาวชิรมงกุฎ(ม.ว.ม) ขอให้คณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการรูปแบบพิเศษหากเห็นสมควรขอได้โปรดพิจารณาดำเนินการตามสิ่งที่เห็นสมควรด้วย 5.การแก้ไขเพิ่มเติมกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่นพ.ศ.2500 เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริหารท้องถิ่นได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นไปตามความต้องการของประชาชน อีกทั้งผู้บริหารท้องถิ่นมีภารกิจและหน้าที่ในการบริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอีกหลายประการเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่นพ.ศ.2500 ดังนี้ 1)นายกเทศมนตรีที่ดำรงตำแหน่ง16ปีขึ้นไปให้ได้รับบำนาญ เป็นเงิน15,000บาท 2)นายกเทศมนตรีที่ดำรงตำแหน่ง16ปีให้ได้รับบำนาญเป็นเงิน10,000บาท 3)นายกเทศมนตรีที่ดำรงตำแหน่ง12ปีให้ได้รับบำนาญเป็นเงิน7,500บาท 4)นายกเทศมนตรีที่ดำรงตำแหน่ง8ปี ให้ได้รับบำนาญเป็นเงิน5,000บาท ทั้งนี้เงินดังกล่าวใช้เงินจากเงินประมาณการรายรับในงบประมาณรายจ่ายประจําปีสมทบเข้ากองทุนบําเหน็จบํานาญข้าราชการส่วนท้องถิ่นในอัตราที่กําหนดโดยกฎกระทรวงไม่เกินร้อยละสาม ปัจจุบันสมทบเข้ากองทุนไม่เกินร้อยสอง ตั้งประเภทเงินนี้ไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจําปีของราชการส่วนท้องถิ่น แต่ละแห่ง สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย จึงขอให้ประธานคณะกรรมาธิการการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่นและการบริหารราชการรูปแบบพิเศษได้พิจารณาศึกษาหากเห็นด้วยเห็นควรเสนอให้แก้ไขพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่นพ.ศ.2500 ต่อมาเมื่อเวลา 11.00น. ได้นำคณะเข้าพบ เข้าพบนายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อยื่นหนังสือเสนอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขระเบียบกฎหมายที่เป็นปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานของท้องถิ่นจำนวน10เรื่อง ประกอบด้วย 1.ขอทบทวนการขับเคลื่อนการปฏิรูปการบริหารงานส่วนบุคคลท้องถิ่น การสรรหาบุคลากรของท้องถิ่น ตามคำสั่งคสช.ที่8/2560 ท้องถิ่นขาดบุคลากรในการปฏิบัติงานสายงานผู้บริหารเป็นจำนวนมาก อีกทั้งการแต่งตั้งบุคลากรไม่เป็นไปตามความต้องการของท้องถิ่นก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้บริหารท้องถิ่น พนักงานเทศบาลสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยขอเสนอ ดังนี้ 1)นักบริหารระดับสูงเป็นหน้าที่ของกท.หรือ สถ. 2)พนักงานเทศบาลประเภทตำแหน่งอำนวยการท้องถิ่น เป็นหน้าที่ของกทจ.หรือเทศบาล 2.ขอให้แก้ไขปัญหาการขาดแคลนครูผู้สอนของโรงเรียนสังกัดเทศบาล สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทยขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยขอให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นนำบัญชีผู้ผ่านการสอบแข่งขันในตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ มาใช้ในการแก้ปัญหาดังกล่าว 3.ขอให้แก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าเช่าบ้านของข้าราชการส่วนท้องถิ่นฯ  ปัญหาข้าราชการส่วนท้องถิ่นขอย้ายไปดำรงตำแหน่งในเทศบาลอื่น เพื่อที่จะได้มีสิทธิรับ ค่าเช่าบ้านเนื่องจากระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยค่าเช่าบ้านของข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548ข้อ 6(3)จึงทำให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่น เมื่อดำรงตำแหน่งครบ  2 ปี ก็จะยื่นคำร้องขอย้ายไปดำรงตำแหน่งที่อื่น เพื่อที่จะมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้าน สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ขอเสนอให้แก้ไขระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยค่าเช่าบ้านของข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2548 เพื่อให้ข้าราชการส่วนท้องถิ่นที่บรรจุในท้องที่ที่เริ่มรับราชการครั้งแรกมีสิทธิได้รับค่าเช่าบ้านได้ เมื่อดำรงตำแหน่งครบ 2 ปี ซึ่งการให้สิทธิเบิกค่าเช่าบ้านดังกล่าว ไม่กระทบต่อฐานะการเงินการคลัง 4.ขอให้ทบทวนประกาศฯ รับโอนข้าราชการตามกฎหมายอื่นมาบรรจุเป็นพนักงานส่วนท้องถิ่น สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ไม่เห็นด้วยและขอให้พิจารณาทบทวนประกาศคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่นเรื่องมาตรฐานกลางเกี่ยวกับการรับโอนข้าราชการตามกฎหมายอื่นมาบรรจุเป็นพนักงานส่วนท้องถิ่นเนื่องจาก 1)หลักเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งมีความแตกต่างกันและไม่อาจแสดงได้ว่าข้าราชการพลเรือนมีคุณสมบัติเหมาะสมเนื่องจากอาจไม่มีประสบการณ์ในการปฏิบัติราชการในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนในท้องถิ่นได้ 2)การเทียบตำแหน่งไม่เป็นธรรมและไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช ๒๕๖๐ มาตรา ๒๕๑ ซึ่งบัญญัติให้การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต้องใช้ระบบคุณธรรม คำนึงถึงความเหมาะสมและความจำเป็นของแต่ละท้องถิ่นและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละรูปแบบ 5.ขอให้ทบทวนแนวทางการจ่ายเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุและเงินเบี้ยความพิการให้คนพิการขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตามโครงการบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม การดำเนินการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนแทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้แก่ผู้มีสิทธิรับเงินได้โดยตรงของกรมบัญชีกลางดังกล่าวนั้น ก่อให้เกิดผลกระทบต่อการคำนวณรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีผลทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีรายได้ลดลง และกระทบต่อสัดส่วนรายได้ที่นำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินเดือน ประโยชนตอบแทนอื่นและเงินค่าจ้างของข้าราชการ หรือพนักงานส่วนท้องถิ่น และลูกจ้าง ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.๒๕๔๒ ที่กำหนดต้องไม่สูงกว่าร้อยละ40%ของเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากเงินดังกล่าวได้ถูกนำมาคำนวณเป็นรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ขอให้พิจารณาทบทวนและหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวข้างต้น 6.การออกระเบียบการเบิกจ่ายทุนการศึกษาของผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตั้งงบประมาณให้ทุนการศึกษาแก่บุคลากรขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยตรวจสอบได้มีข้อทักท้วงการตั้งงบประมาณรายจ่ายเพื่อเป็นทุนการศึกษาดังกล่าวว่าไม่มีกฎหมายหรือระเบียบรองรับ สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย เห็นว่าการเข้ารับการศึกษาอบรมของผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพ และเสริมสร้างพัฒนาองค์ความรู้ของผู้ที่เข้ารับการศึกษาอบรมนำความรู้ความสามารถในการศึกษาดังกล่าวมาใช้ในการพัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาข้อทักท้วงดังกล่าว จึงขอให้พิจารณาออกกฎหมายหรือระเบียบรองรับการเบิกจ่ายเงินทุนการศึกษาของผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นได้ดังกล่าว 7.ขอให้พิจารณากำหนดค่าตอบแทนให้แก่คณะกรรมการชุมชน การทำงานของคณะกรรมการชุมชนเป็นการทำงานแบบอาสาสมัคร ในปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายหรือระเบียบใดกำหนดโครงสร้าง อำนาจหน้าที่และการบริหารงานของคณะกรรมการชุมชนรองรับไว้ จึงทำให้ท้องถิ่นไม่อาจจ่ายค่าตอบแทนคณะกรรมการชุมชนได้ ซึ่งคณะกรรมการชุมชนเป็นผู้มีจิตอาสามีความเสียสละ อุทิศตนทั้งกำลังกาย กำลังใจ และกำลังทรัพย์ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม การดำเนินงานหรือกิจกรรมต่างๆภายในชุมชน จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเดินทาง ค่าอาหาร เป็นต้น สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย จึงขอให้พิจารณาให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อที่จะกำหนดโครงสร้างอำนาจหน้าที่และการบริหารงานของคณะกรรมการชุมชน ซึ่งจะทำให้ท้องถิ่นสามารถกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการชุมชนได้ 8.ขอให้พิจารณาแนวทางกำหนดค่าตอบแทนการปฏิบัติงานของคณะกรรมการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2548 คณะกรรมการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาฯประกอบด้วยคณะกรรมการสนับสนุนการจัดทำแผนพัฒนาท้องถิ่น คณะกรรมการพัฒนาท้องถิ่น และคณะกรรมการติดตาม และประเมินผลแผนพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งคณะกรรมการดังกล่าวจะต้องรับผิดชอบภารกิจและปฏิบัติงานร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นประจำ และจะต้องเดินทางมาปฏิบัติงาน ณ สำนักงาน ในบางครั้งจะต้องออกไปปฏิบัติงานในพื้นที่ ทำให้เกิดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องและปัจจุบันยังไม่มีระเบียบ กฎหมายใดกำหนดให้เบิกจ่ายค่าตอบแทน สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย จึงขอให้มีการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายหรือระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เทศบาลสามารถเบิกจ่ายค่าตอบแทนในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการจัดทำแผนพัฒนาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ 9.การปรับปรุงหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่นายกเทศมนตรี สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ขอให้พิจารณาหลักเกณฑ์ เงื่อนไขในการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่นายกเทศมนตรี ให้สอดคล้องกับการร่วมงานพระราชพิธี เป็นการขอตามระเบียบให้มีความเหมาะสมเป็นธรรมและเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนในท้องถิ่นเป็นเครื่องหมายแสดงถึงการเชิดชูเกียรติแห่งการทำความดีในฐานะผู้บังคับบัญชา ผู้บริหารสูงสุดของเทศบาล ดังนี้ 1)นายกเทศมนตรีตำบลขอพระราชทาน สาย1ชั้นประถมาภรณ์มงกุฎไทย(ป.ม.) 2)นายกเทศมนตรีเมืองขอพระราชทานสาย2ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก(ป.ช) 3)นายกเทศมนตรีนคร ขอพระราชทานสาย3ชั้น มหาวชิรมงกุฎ(ม.ว.ม) 10.ขอให้พิจารณาการขึ้นเงินเดือนและสวัสดิการของผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ขอเสนอแนวทางในการขึ้นเงินเดือนของผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นให้เหมาะสมและเป็นธรรม สอดคล้องกับภาระหน้าที่ที่เพิ่มขึ้นและสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันโดยขอเสนอให้พิจารณาการปรับฐานเงินเดือนดังนี้ 1.เทศบาลนคร 1.1นายกเทศมนตรีปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้น10% 1.2รองนายกเทศมนตรี, ประธานสภาเทศบาล,รองประธานสภาเทศบาล,สมาชิกสภาเทศบาล,เลขานุการนายกเทศมนตรีและที่ปรึกษานายกเทศมนตรี ปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้น10% 2.เทศบาลเมือง 2.1นายกเทศมนตรี ปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้น15% 2.2 รองนายกเทศมนตรี, ประธานสภาเทศบาล,รองประธานสภาเทศบาล,สมาชิกสภาเทศบาล, เลขานุการนายกเทศมนตรีและที่ปรึกษานายกเทศมนตรี ปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้น20% 3.เทศบาลตำบล 3.1นายกเทศมนตรี ขอให้ปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้น20-25% 3.2รองนายกเทศมนตรี, ประธานสภาเทศบาล, รองประธานสภาเทศบาล,สมาชิกสภาเทศบาล, เลขานุการนายกเทศมนตรีและที่ปรึกษานายกเทศมนตรี ปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้น30% +++++++++++++++++++++++++++