ด้วยสาธารณรัฐมัลดีฟส์ มีพื้นที่ซึ่งประกอบไปด้วยหมู่เกาะปะการังจำนวนมากในมหาสมุทรอินเดีย และตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดียและประเทศศรีลังกามีหมู่มากกว่า 1,200 เกาะ โดยมีการควบคุมดูแลใส่ใจในเรื่องของทัศนียภาพของเกาะ ให้ดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมชาติมากที่สุด ดังนั้นรีสอร์ทแต่ละ แห่งนั้นจึงคัดเลือกในสิ่งที่ดี ที่สุด เพื่อเอาใจบรรดาเหล่านักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมของโลก โดยเวลานี้มีโรงแรมมากกว่า 200 แห่ง ถึงกระนั้นก็ยังมีโรงแรมใหม่ที่พร้อมจะเข้านำเสนอที่พักภายใต้เกาะสวรรค์ที่มีธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ ทั้งยังมีโลกใต้ทะเลที่ยังอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยปลาและปะการัง นานาชนิด อยู่อย่างต่อเนื่อง เช่น กิลิ ลังกันฟูชิ รีสอร์ต ของเครือเอชพีแอล โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต และทราย ลากูน มัลดีฟส์ จากบริษัท เอสโฮเทลแอนด์รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) เป็นต้น กิลิ ลังกันฟูชิเจาะกลุ่มลักชูรี่ ทั้งนี้ นางสาวแองเจลีน โลห์ ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารการตลาด เอชพีแอล โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ต กล่าวถึง กิลิ ลังกันฟูชิ รีสอร์ตหรูแนวธรรมชาติกลางทะเลมัลดีฟส์ ที่จะเปิดตัวอีกครั้งในเดือนธันวาคม 2562 หลังจากปิดรีโนเวทมาประมาณ 1 ปี เพื่อตกแต่งใหม่ให้สวยงาม พร้อมมอบความสะดวกสบายในระดับไฮเอนด์ ด้วยคอนเซ็ปต์การออกแบบแนวใหม่และโปรแกรมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม แต่คงไว้ซึ่งความเรียบง่ายและเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ เพื่อให้ กิลิ ลังกันฟูชิ เป็นสรวงสวรรค์บนแนวคิดอันยั่งยืน โดยปี 2563 ตั้งเป้าอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 80-85% ซึ่ง กิลิ ลังกันฟูชิ รีสอร์ต มีกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวจากประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกาประมาณ 20-25% นอกจากนั้นเป็นประเทศญี่ปุ่น เกาหลี และกลุ่มประเทศสแดนดิเนเวีย อีกทั้งยังตั้งเป้าขยายกลุ่มลูกค้าไปที่ประเทศอิตาลี สเปน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งประเทศไทยที่ยังมีศักยภาพในการเดินทางท่องเที่ยว เนื่องจากเวลานี้มีเที่ยวบินตรงไปยังเกาะมัลดีฟส์นั้นเอง อีกทั้งยังหวังที่จะดึงนักท่องเที่ยวไทยไปพักติด 1 ใน 5 ของลูกค้าหลักอีกด้วย อย่างไรก็ตาม นางสาวแองเจลีน กล่าวว่า ด้วยจุดขายของ กิลิ ลังกันฟูชิ ซึ่งตั้งอยู่บนท้องทะเลที่สวยงามของแนววงแหวนปะการังทางเหนือของเกาะมาเล่ โดยใช้เวลาเดินทางด้วยเรือจากเกาะมาเล่เพียง 20 นาทีมีห้องพักแบบวิลล่าที่ได้รับการตกแต่งใหม่ 45 หลัง ท่ามกลางสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติที่สวยงามของเกาะ โดยมีการบริการที่ดี มีความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ด้วยอัตราห้องพักเริ่มต้นที่ 1,440 ดอลลาร์ต่อคืน หรือ 46,500 บาท++ สำหรับผู้เข้าพัก 2 ท่าน โปรแกรมการดูแลสุขภาพ เริ่มต้นที่ 1,443 ดอลลาร์ต่อคืน ทรายนำเสนอความเป็นไทย ด้าน นายเดร์ค เดอ คุยเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสโฮเทลแอนด์รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้ กล่าวว่า ด้วยพฤติกรรมของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียลในปัจจุบันที่มองหาความหรูหราจากความรู้สึกอิสระและเชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียว กับสภาพแวดล้อม และผู้คนอื่น ๆ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัท เอสโฮเทลแอนด์รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการบริการภายใต้เครือ บริษัท สิงห์เอสเตท จำกัด (มหาชน) ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งธุรกิจที่พัก เปิดตัว ทราย แบรนด์รีสอร์ทชั้นนำที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว ตอบโจทย์ผู้มองหาประสบการณ์การพักผ่อนที่น่าประทับใจ ตั้งเป้าลูกค้าจากประเทศแถบยุโรป 50% เอเชียประมาณ 35% และนักท่องเที่ยวทั่วไปประมาณ 15% ซึ่งแบรนด์ทราย หวังมอบประสบการณ์ที่ผ่อนคลายสำหรับนักเดินทางภายใต้แนวคิดของผู้บริโภคกลุ่มมิลเลนเนียล เพื่อขยายตัวของเอสโฮเทลแอนด์รีสอร์ท ในอนาคต โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มพอร์ตการลงทุนเป็น 2 เท่าหรือประมาณ 80แห่งภายในปี 2568 ซึ่งปัจจุบันบริษัทประกอบด้วยโรงแรมและรีสอร์ท 39 แห่งใน 5 ประเทศ รวมกว่า 4,600 ห้อง และตั้งเป้าขยายไปยังจุดหมายปลายทางใหม่มากยิ่งขึ้น “ในอนาคต แบรนด์รีสอร์ทแห่งใหม่ของทรายจะเปิดให้บริการในสถานที่สำคัญ โดยมุ่งเน้นไปที่หมู่เกาะที่สวยงามและแนวชายหาดที่มีความสุขในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาสมุทรอินเดียและแปซิฟิกใต้ ซึ่งการเติบโตดังกล่าวนี้จะถูกขับเคลื่อนโดยการควบรวมและซื้อกิจการการซื้อรีสอร์ทและข้อตกลงการจัดการโรงแรม โดยนำเสนอจุดขาย คือ ความเป็นไทยที่ทั่วโลกรู้จัก ทั้งเรื่องอาหาร และการบริการ ” นายเดร์ค กล่าว สำหรับ ทราย ลากูน มัลดีฟส์ รีสอร์ทแห่งแรกของแบรนด์ทราย ตั้งอยู่ภายในครอสโร้ด มัลดีฟส์ โครงการแหล่งท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ครบวงจรใจกลางมหาสมุทรอินเดีย พัฒนาโดย สิงห์เอสเตท และ เอสโฮเทลแอนด์รีสอร์ท เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมา เน้นตอบโจทย์คู่รัก ครอบครัว และกลุ่มเพื่อนที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนที่สนุกสนาน ให้บริการห้องพักห้องสวีทและวิลล่า รวมถึงแต่ห้องเหนือน้ำ และพูลวิลล่า ออกแบบตกแต่งด้วยการผสมผสานพื้นผิวธรรมชาติและเศษไม้ที่น่าตื่นตาตื่นใจ