เฮ!!!บ้านเอื้ออาทรบางขุนเทียน 3 โอนกรรมสิทธิ์ได้แล้ว หลังปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดินนำทีมร่วมสางปมปรับแบบแปลนติดเงื่อนไข EIA ล่าช้ากว่า 5 ปี
เมื่อวันที่ 29 ต.ค.นายบูรณ์ ฐาปนดุลย์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและหารือแนวทางแก้ไขปัญหาการโอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านเอื้ออาทรบางขุนเทียน 3 ล่าช้า สืบเนื่องจากโครงการบ้านเอื้ออาทรริเริ่มขึ้นเมื่อปี 2546 ด้วยต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง มีมาตรฐาน สภาพแวดล้อมเหมาะสม และระดับราคาที่สามารถผ่อนชำระได้ ซึ่งปกติการก่อสร้างต้องทำ EIA ที่อาจใช้เวลาค่อนข้างนาน ในปี 2548 รัฐบาลจึงให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมออกประกาศให้โครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติได้รับยกเว้นไม่ต้องทำ EIA แต่มีเงื่อนไขว่า ห้ามการเคหะแห่งชาติเปลี่ยนแปลงรายละเอียดแบบแปลนโครงการ (สผ.4) สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทรบางขุนเทียน 3 นั้น ตามแบบแปลนเดิมที่ยื่นไปพร้อมกับ สผ. 4 เป็นแบบแปลนอาคารชุดสูง 4 ชั้น จำนวน 165 อาคาร มี 7,888 หน่วย ก่อสร้างจริงเหลือเป็นอาคารชุดสูง 4 ชั้น จำนวน 46 อาคาร มี 2,200 หน่วย สามารถส่งมอบห้องชุดให้ประชาชนผู้ซื้อเข้าอยู่อาศัยได้ตั้งแต่วันที่ 12 กันยายน 2553 โดยในสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุดบ้านเอื้ออาทรกับการเคหะแห่งชาติ ข้อ 8 ระบุว่า “ผู้จะขาย (การเคหะแห่งชาติ) จะโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้แก่ผู้ซื้อเมื่อครบกำหนด 5 ปี นับแต่วันทำสัญญา...” แต่เมื่อสัญญาครบ 5 ปี คือ เดือนกันยายน 2558 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน การเคหะแห่งชาติก็ไม่สามารถดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้ประชาชนได้ เนื่องจากปัญหาแบบแปลนที่ปรับเปลี่ยนเพื่อลดจำนวนการสร้าง ทำให้ผิดไปจากเงื่อนไขที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องทำ EIA ส่งผลเดือดร้อนต่อประชาชนที่ซื้อห้องชุดไว้จนต้องมาร้องเรียนขอความเป็นธรรม ซึ่งผู้ตรวจการแผ่นดินได้ติดตามแสวงหาข้อเท็จจริงและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมหารือเพื่อเร่งหาทางออกในเรื่องนี้มาโดยตลอด
นายบูรณ์ กล่าวว่า ล่าสุด การแก้ไขปัญหาประสบผลสำเร็จเป็นที่พึงพอใจ เนื่องจากได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจาก ดร.ธัชพล กาญจนกูล ผู้ว่าการเคหะแห่งชาติ นายณรงค์ สืบตระกูล รองอธิบดีกรมที่ดิน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานนโยบายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมธนารักษ์ สำนักงานเขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจบูรณาการแก้ไขความเดือดร้อนให้กับประชาชน ซึ่งหัวใจหลักที่ทำให้กระบวนการดำเนินต่อไปได้ คือ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติได้มีมติอนุญาตให้มีการแก้ไขแผนผังแบบแปลนตาม สผ.4 ที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องทำ EIA แล้ว ซึ่งกรมที่ดินและกรมธนารักษ์จะร่วมกันดำเนินการออกโฉนดห้องชุดเพื่อมอบให้แก่การเคหะแห่งชาติเพื่อนำไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดให้แก่ประชาชนต่อไป
นายบูรณ์ กล่าวต่อว่า เมื่อต้นเดือนตุลาคมได้เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการบ้านเอื้ออาทรบางขุนเทียน 3 ไปแล้วจำนวน 48 ราย จากผู้ที่มายื่นคำร้องขอ จำนวน 1,391 ราย สำหรับโครงการบ้านเอื้ออาทรอีก 6 โครงการ กว่า 7,500 หน่วยที่ประสบปัญหาลักษณะเดียวกันก็ได้ทยอยดำเนินการคืบหน้าไปมาก ได้แก่
1. โครงการพรพระร่วงประสิทธิ์ -อยู่ระหว่างการปรับปรุงสภาพแวดล้อมซึ่งสำนักงานที่ดินจะออก อช.2 ให้แล้วเสร็จได้ประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้
2. โครงการบางขุนเทียน 1 -โอนแล้ว 2 ราย รายแรกเมื่อต้นเดือนตุลาคม
3. โครงการบางขุนเทียน 2 - อยู่ระหว่างสำนักงานที่ดินจัดพิมพ์หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อช. 2)
4. โครงการบางขุนเทียน (แสมดำ) -โอนแล้ว 492 ราย รายแรกเมื่อต้นเดือนตุลาคม
5. โครงการสมุทรปราการ (บางบ่อ 3) - โอนแล้ว 1 ราย ภายใน 7 พฤศจิกายนนี้โอนอีก 106 ราย
6. โครงการ นครปฐม (ไร่ขิง) - เริ่มโอน 4 พฤศจิกายนนี้
นอกจากนี้ ข่าวดีคือ ประชาชนยังได้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดด้วย โดยจะเสียค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนโอนห้องชุดและค่าจดจำนองห้องชุดในอัตราร้อยละ 0.01 เนื่องจากบ้านเอื้ออาทรมีราคาต่อห้องไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งจากเดิมจะต้องเสียค่าใช้จ่ายหลักหมื่นบาท ก็เหลือเพียงหลักร้อยบาทเท่านั้น ซึ่งมาตรการนี้มีผลถึงวันที่ 23 มิถุนายน 2563 ก็ต้องขอบคุณและฝากทางการเคหะแห่งชาติช่วยดูแลผลประโยชน์ของประชาชนในส่วนนี้ด้วย

