ท่ามกลางความยินดีปรีดากับข่าวคราวที่นายอาบู บัคร์ อัล-บักห์ดาดี หัวหน้าขบวนการก่อการร้ายรัฐอิสลาม หรือไอเอส มีอันต้องปลิดปลงด่าวดิ้นลงไป ทว่า บรรดานักวิเคราะห์ผู้สันทัดกรณีอีกจำนวนหนึ่ง ก็ได้ออกมาส่งซิกสะกิดเตือนให้นานาประเทศต่างๆ ยังคงต้องเฝ้าระวังกับผลกระทบข้างเคียงที่จะบังเกิดขึ้นนับจากนี้ให้จงดี นั่นคือ ปรากฏการณ์ที่เหล่าสมุนของกลุ่มไอเอสจะแตกรังอย่างกระจัดกระจายไปกบดานในหลายๆ ภูมิภาคของโลกเรานับจากนี้ ทั้งนี้ นอกจากกรณีที่เบอร์ 1 หัวหน้าของไอเอสถูกเด็ดหัวแล้ว ก็ยังมีปัจจัยเรื่องการสู้รบระหว่างกองทัพฝ่ายต่างๆ ได้แก่ ตุรกี ชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ด ฝ่ายกบฏที่ต่อต้านรัฐบาลซีเรีย ในพื้นที่ภาคเหนือของซีเรีย ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานกบดานของพวกไอเอส หลังศูนย์กลางที่นครรักกาของพวกเขาถูกกวาดล้างไปแล้ว ก็ส่งผลให้กลุ่มไอเอสยากที่จะปักหลักในพื้นที่ดังกล่าวต่อไปได้ นอกจากนี้ ยังเกิดเหตุการณ์เรือนจำที่คุมขังพวกไอเอสในพื้นที่ตอนเหนือของซีเรีย ได้รับผลกระทบจากปฏิบัติสู้รบโดยกองทัพตุรกีกับกองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยชาวเคิร์ด จนเหล่าวายร้ายแหกคุกออกมา ก็สร้างความหวั่นวิตกว่า สมุนไอเอสเหล่านี้ จะรวมตัวกันใหม่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์แสดงทรรศนะเป็นห่วงกังวลว่า พื้นที่หลายแห่งของภูมิภาคทั่วโลก จะเป็นเป้าหมายในการเป็นแหล่งกบดานหลบภัยของสมาชิกก่อการร้ายขบวนการนี้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง ต้นกำเนิดของขบวนการ หรือประเทศในภูมิภาคแอฟริกา โดยเฉพาะพื้นที่ตอนเหนือ อย่างลิเบีย เป็นต้น หรือประเทศในภูมิภาคเอเชียกลางและเอเชียใต้ เช่น อัฟกานิสถาน ที่ไอเอสเข้าไปประชันความร้ายกาจกับกลุ่มตาลิบันเจ้าถิ่นเดิม ไม่เว้นแม้กระทั่งภูมิภาคยุโรป และอเมริกา ที่นักวิเคราะห์เตือนว่า น่าห่วงเช่นกัน จากผลงานที่เหล่าวายร้ายไอเอส ฝากทั้งบาดแผลและซากศพไว้ในหลายๆ ประเทศ นับตั้งแต่ขบวนการฯ ผงาดขึ้นมา เรียกว่า ประเทศเจริญแล้ว เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี เบลเยียม ล้วนผจญกันถ้วนหน้า นอกจากนี้ ยังมีอีกพื้นที่ที่ได้รับการส่งเสียงเพรียกเตือนด้วยความเป็นห่วงว่า จะเป็นสถานที่หนึ่งที่พวกสมุนไอเอส จะใช้เป็นแหล่งหลบภัยกบดาน ไปจนถึงขั้นถูกสถาปนาให้เป็นฐานที่มั่นใหม่ของพวกเขา ได้แก่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออุษาคเนย์เรา โดยในส่วนของภูมิภาคเอเชียอาคเนย์นั้น บรรดานักวิเคราะห์ ต่างชี้นิ้วไปที่ “ฟิลิปปินส์” ถิ่น “ตากาล็อก” ซึ่งล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า น่าเป็นห่วงที่สุด สอดรับกับเสียงที่ส่งประสานมาจาก คนระดับ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของฟิลิปปินส์” เอง นั่นคือ “นายเดลฟิน โลเรนซานา” ที่ออกมากล่าวเตือนหลังมีรายงานข่าวการเสียชีวิตของนายบักห์ดาดี แบบสะเด็ดเลือดกันหมาดๆ เลยว่า ประเทศของเขาเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าห่วงเช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศ ที่จะตกเป็นเป้าหมายของการเป็นแหล่งหลบภัยกบดานแห่งใหม่และอย่างขนานใหญ่ของสมุนไอเอส หลังจากที่หัวหน้าของพวกเขาสิ้นชีพไปแล้ว ทั้งนี้ เมื่อกล่าวถึงฟิลิปปินส์ ถิ่นตากาล็อกแห่งนี้ ก็เคยมีประสบการณ์อันสะท้านขวัญจากกลุ่มไอเอสเมื่อกว่า 2 ปีก่อน คือ ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2560 อันเป็นห้วงเวลาที่กลุ่มไอเอส บุกเข้ามายึดเมืองมาราวี บนเกาะมินดาเนา ภาคใต้ของประเทศ ไว้เป็นที่มั่น โดยยุทธศาสตร์ของกลุ่มไอเอสใช้วิธีผนวกเอากลุ่มก่อการร้ายต่างๆ ที่เป็นเจ้าถิ่น เช่น กลุ่มแบ่งแยกดินแดนโมโร เป็นต้น เข้าไปเป็นพวก ก่อนยึดมาราวีไว้แบบทั้งเมืองไปเป็นที่มั่นของทางกลุ่ม ตามหมุดหมายแผนการที่กำหนดไว้ว่า จะให้เมืองแห่งนี้ เป็น นครเคาะลีฟะฮ์ หรือศูนย์กลางของของกลุ่มไอเอสในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กันเลยทีเดียว กว่าที่กองทัพรัฐบาลมะนิลา ทางการฟิลิปปินส์ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต จะปลดปล่อยเมืองมาราวี ให้พ้นจากการยึดครองโดยกลุ่มไอเอสได้สำเร็จ ก็ต้องใช้เวลานานถึง 5 เดือน พร้อมๆ กับความสูญเสียในชีวิตของกำลังพลเหล่าทหารหาญ และทรัพย์สิน คือ งบประมาณ ตลอดจนอาคารบ้านเรือน ที่แม้ถึงทุกวัน นี้ ตึกรามบ้านช่องในเมืองมาราวีหลายแห่ง ก็ยังเป็นซากปรักหักพังปรากฏเป็นหลักฐาน นอกจากเรื่องการกระจัดกระจายของเหล่าสมุนไอเอสที่เป็นห่วงว่า อาจจะมีปรากฏการณ์กันในหลายพื้นที่แล้ว พลจัตวาเอ็ดการ์ด อาเรวาโล โฆษกกระทรวงกลาโหมของฟิลิปปินส์ ยังได้แสดงทรรศนะประสานเสียงร่วมกับบรรดานักวิเคราะห์รายอื่นๆ ไปในทิศทางเดียวกันว่า ถึงแม้นายบักห์ดาดีจะถูกปลิดชีพไป แต่อุดมการณ์ตามแบบฉบับของไอเอสไม่ได้สูญหายไปไหน เพราะยังไม่ได้ถูกสลายให้ปราศนาการไป ซึ่งความร้ายกาจต่างๆ เหล่านั้น พร้อมที่จะหวนกลับเขย่าขวัญได้ทุกเมื่อ จากบรรดาสมุนของไอเอสที่หลบภัยกระจัดกระจายกบดานในหลายภูมิภาคทั่วโลก