นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเรียกเก็บภาษีกรณีการขายหุ้นชินคอร์เปอร์เรชั่น ว่า เมื่อวาน ( 8 มี.ค.)ได้เชิญกรมสรรพากร และผู้เกี่ยวข้องมาพูดคุยแล้ว โดยได้ให้การบ้านไป ว่าถ้ามีอะไรคืบหน้าต้องกลับมารายงานทันที ซึ่งข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งตนก็ได้รับทราบแล้ว ส่วนรายละเอียดอย่างอื่นให้ผู้รับผิดชอบโดยตรงคือกรมสรรพากร เป็นผู้ชี้แจงเพราะกฎหมายว่าอย่างไร ก็อย่างหนึ่ง แต่กฎหมายที่เขียนว่าอย่างนี้แปลว่าอะไร ก็อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งคำว่าแปลว่าอย่างไร กรมสรรพากร ในฐานะผู้ดูแลกฎหมายประมวลรัษฎากร ก็ต้องตอบไปตามที่เคยปฏิบัติมา ถ้าปฏิบัติผิดไปจากที่เคยปฏิบัติก็ทำไม่ถูก แต่ปัญหาก็คือสิ่งที่เคยปฏิบัติใช่หรือไม่ เพราะถ้ามีคำพิพากษาก็หมดเรื่อง เพราะถ้าไม่มีคำพิพากษามันก็ยังเคลือบแคลง ฉะนั้นจึงยังชี้ลงไปตรงนี้ยาก ดังนั้นขณะนี้ยังไม่ควรด่วนสรุปว่าอะไรถูกอะไรผิดเพราะยังอยู่ในระหว่างตรวจสอบต้องรอให้เกิดความชัดเจนก่อน เพราะมีข้อเท็จจริงบางอย่างที่ไม่ปรากฏตามสื่อและในความเข้าใจของประชาชน ฉะนั้นจึงขอให้กรมสรรพากรไปหาข้อเท็จจริงมาก่อนให้ชัดเจน ตนตอบอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ตนได้แจ้งให้กรมสรรพากรไปว่า ถ้ามีปัญหาติดขัดอะไรให้หารือกับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง)โดยให้รายงานให้สตง.ทราบทุกระยะ ว่าได้หรือไม่ได้ หรือติดขัดปัญหาอะไร และจะช่วยกันคิดต่ออย่างไร เมื่อถามว่าอายุความในการเรียกเก็บภาษีจะหมดในสิ้นเดือนมี.ค.นี้จะทำอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ตนก็ทราบ แต่เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และความจริงตนก็ได้ให้ไปตรวจสอบแล้วพบว่ามีอยู่ 3 ประเด็น ซึ่งยังขอไม่เปิดเผย แต่ถ้ามีอะไรคืบหน้ารัฐบาลก็จะชี้แจงให้ทราบ เมื่อถามต่อว่า หากเรียกเก็บไม่ทันจะมีช่องทางในการขยายระยะเวลาหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า กำลังให้เขาไปดูอยู่ ส่วนผู้ที่ต้องรับผิดชอบ เรารู้ตัวแล้วว่าเป็นใครที่ต้องรับผิดชอบในสมัยนั้น แต่ต้องรับผิดชอบหรือไม่กำลังให้เขาดูอยู่ เพราะถ้าเขาเชื่อว่าทำไปโดยสุจริต ไม่มีอะไรแอบแฝง ความรับผิดชอบก็ไม่มีอะไร แต่ถ้าเราไม่เชื่อว่าเขาทำโดยสุจริต และมีอะไรแอบแฝง และมีการสั่งการทำให้ต้องปฏิบัติอย่างนั้น ก็ต้องมีการสอบสวนกัน