“ชาบูชิ” ผู้นำตลาดชาบู-ชาบู สุกี้หม้อไฟสไตล์ญี่ปุ่น ลุยเปิดโมเดลใหม่ 24 ชม. ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง ประเดิมปักหมุดสาขาแรก “สามย่านมิตรทาวน์” พร้อมอัดโปรฯ “HAPPY HOUR BUFFET” 299.- อิ่มอร่อยได้ไม่อั้น เอาใจคนนอนดึก
นายไพศาล อ่าวสถาพร รองกรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจอาหาร บมจ. โออิชิ กรุ๊ป เปิดเผยว่า เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผู้บริโภคก็เปลี่ยนไป และสำหรับในกลุ่มคนเมืองยุคใหม่แล้ว ตลอดช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา พบว่า พฤติกรรมและการใช้ชีวิตของพวกเขานั้นยืดหยุ่นและคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม และไม่เป็นไปตามแบบแผนเหมือนอย่างแต่ก่อน โดยข้อจำกัดและเงื่อนไขด้านเวลา ไม่ว่าจะเป็นแต่เช้าตรู่ หรือดึกดื่นแค่ไหน ก็ไม่ใช่ปัญหาหรืออุปสรรคของชีวิตอีกต่อไป ซึ่งได้กลายมาเป็นวิถีคนเมือง “สังคมคนนอนดึก” (Sleepless Society) ที่มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น
ทั้งนี้เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์ไตล์วิถีคนเมืองดังกล่าว ล่าสุด บริษัทได้เปิด "ชาบูชิ" สาขาใหม่ล่าสุด สามย่านมิตรทาวน์ นับเป็นสาขาแรกที่เปิดให้บริการทั้งกลางวัน-กลางคืน ตลอด 24 ชม. พร้อมส่งมอบประสบการณ์อาหารญี่ปุ่น ผ่านสองความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นยอดนิยม ทั้งชาบู-ชาบู สุกี้หม้อไฟ และซูชิ ข้าวปั้นสารพัดหน้า โดยเปิดให้บริการรองรับความต้องการของนักกิน 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงเวลาปกติ : เริ่มตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. (ค่าบริการสุทธิ 419 บาท) ต่อเนื่องที่ ขยายเวลาให้บริการเพิ่มเติม : เริ่มตั้งแต่เวลา 22.01 – 09.59 น. (ค่าบริการสุทธิ 319 บาท) นอกจากนี้ยังมีจัดช่วงโปรโมชั่น “HAPPY HOUR BUFFET” 299.- อิ่มอร่อยได้ไม่อั้นกับสารพัดเมนูชาบู-ชาบู หมูสไลซ์ เนื้อสไลซ์ ไก่ กุ้ง หมึก ฯลฯ ในราคาพิเศษ เพียง 299 บาท (จากปกติ 319 บาท) เมื่อใช้บริการ ระหว่างเวลา 22.01 – 09.59 น. ภายในสิ้นปี หรือวันที่ 31 ธันวาคม 2562 เท่านั้น
อย่างไรก็หลังจากที่ได้เปิดให้บริการ สาขา 24 ชม. ไปประมาณ 1 เดือน (20 ก.ย. - 19 ต.ค. 2562) พบว่าลูกค้าตอบรับดีเกินคาด มีลูกค้าหมุนเวียนเข้าใช้บริการ กว่า 20,000 คน หรือเฉลี่ย 700 คนต่อวัน โดยสัดส่วนช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้าใช้บริการมากที่สุดคือ 10.00-22.00 น. อยู่ที่ 54% และ 22.01- 09.59 น. อยู่ที่ 46% ขณะที่ ช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้าใช้บริการมากที่สุด อันดับ1. จะเป็นช่วง 22.01-24.00 น., อันดับ2 เวลา 24.01-02.00 และ อันดับที่ 3 เวลา 20.01-22.00 น.
“จากข้อมูลช่วงเวลาที่เก็บได้ดังกล่าวของสาขา 24 ชม. ทำให้ทราบว่า ระยะเวลาตั้งแต่ 20.00-02.00 น. มีลูกค้าเข้าใช้บริการมากที่สุด ดังนั้นจึงมองว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ” นายไพศาล กล่าว
นายไพศาล กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการตลาดชาบูชิ ปี 2563 (ปีงบประมาณ ต.ค. 2562- ก.ย. 2563) จะยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนร้านเดิม เพื่อผลักดันยอดขายต่อเนื่องทั้ง การออกแคมเปญใหม่ๆ และการทำโปรโมชั่นต่างๆ, การออกสินค้าใหม่ ซึ่งทำทุกๆ 3 เดือน, การขยายสาขาใหม่ จำนวน 11 สาขา จากปัจจุบัน มีสาขารวมที่ 149 สาขา โดยการขยายสาขาจะเน้น 3 รูปแบบ ใหม่ คือ 1. รูปแบบร้านขนาดเล็ก เนื้อที่ 150 ตร.ม. จำนวน 48-65 ที่นั่ง เหมาะกับการขยายในเมืองรอง มีการลงทุนต่ำกว่าสาขาปกติ 15-30%, 2. รูปแบบ ไฮบริด สโตร์ เป็นร้านที่สามารถเปิดได้ 24 ชม. ทำเป็นทั้งบุฟเฟต์และอลาคาสได้ และ 3. รูปแบบTier Pricing เป็นสาขาที่จะรองรับลูกค้าระดับพรีเมียม เป็นหลัก ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการไปแล้วคือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และจะเปิดเพิ่มอีก 1 สาขาที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว เดือนพ.ย. นี้
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายเวลาของร้านชาบูชิเพิ่มจากปกติ เปิดเวลา 10.00-22.00 น. เป็น 09.00-22.00 โดยเน้นขยายเวลาตามห้างโลตัสและบิ๊กซี โดยทดลองทำไปแล้ว 3 เดือน จำนวน 56 สาขา หลังจากนี้จะประเมินภาพรวมเพื่อปรับเวลาในสาขาอื่นๆอีกครั้ง
ด้านภาพรวมผลประกอบการ โออิชิ กรุ๊ป 9 เดือนแรก (ต.ค.2561- มิ.ย. 2562) มีรายได้อยู่ที่ 5,386 บาท เติบโต 11% ส่วนกำไร 337 ล้านบาท เติบโตขึ้น 214% โดยชาบูชิ มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 60-65% ของทั้งกรุ๊ป
ปัจจุบัน มูลค่าตลาดอาหารรวมประเทศไทยในปี 2561 อยู่ที่ 4 แสนล้านบาท โดยอาหารญี่ปุ่นมีสัดส่วนตลาดอยู่ที่ 11% หรือมูลค่าประมาณ 18,000 ล้านบาท (ข้อมูลจากยูโรมอนิเตอร์ฯปี2561)