พม. จัดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2560 ภายใต้แนวคิด “พลังสตรี พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สตรี บุคคล และหน่วยงานองค์กรดีเด่น วันที่ 8 มี.ค.60 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) จัดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2560 ภายใต้แนวคิด “พลังสตรี พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” โดยมีพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดและมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สตรี บุคคล และหน่วยงานองค์กรดีเด่น พร้อมปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “พลังสตรี พลังขับเคลื่อน เศรษฐกิจไทย” และมีพลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) กล่าวรายงาน ณ ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพคฟอรั่ม ศูนย์แสดงสินค้า และการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของสตรี ที่มีบทบาทและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ และเนื่องจากประเทศไทยมีประชากรที่อยู่ในวัยแรงงาน จำนวนกว่า 55.47 ล้านคน เป็นสตรีมากกว่าบุรุษ คือ มีสตรีคิดเป็นร้อยละ 51.67 ดังนั้น การพัฒนาหรือขับเคลื่อนประเทศไปในทิศทางใด พลังของสตรี จึงเป็นส่วนสำคัญที่รัฐต้องคำนึงถึง และเพื่อให้การพัฒนาและขับเคลื่อนในทุกส่วนสำเร็จบรรลุผลอย่างยั่งยืน ดังนั้น รัฐจึงมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศและการพัฒนาศักยภาพสตรี รวมถึงรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนในสังคมร่วมมือกันตระหนัก เห็นคุณค่าและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของสตรีและบุรุษอย่างเท่าเทียม จึงกำหนดให้มีการจัดงานวันสตรีสากลขึ้นทุกปี และผู้ซึ่งได้รับการประกาศเกียรติคุณในวันนี้ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของสังคมที่จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนในสังคม หันมาตระหนักถึงบทบาท ศักยภาพของสตรี พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่อไปว่า องค์การสหประชาชาติได้รับรองให้วันที่ 8 มีนาคม ของทุกปี เป็นวันสตรีสากล เพื่อให้ประชาชนทุกประเทศตระหนักถึงความสำคัญของสตรี ให้เกียรติและเคารพในสิทธิของสตรี และส่งเสริมการพัฒนาสตรี ในด้านต่างๆ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย ให้เกิดขึ้นในสังคมไทย โดยได้จัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้เกิดความเท่าเทียม และเป็นธรรมของหญิงและชายในสังคม ซึ่งการจัดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากล นับเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่กระทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนในสังคม ตระหนักถึงความสำคัญของวันสตรีสากล สนับสนุน และร่วมกันจัดกิจกรรมเนื่องในวันสตรีสากลให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ส่งเสริมและสนับสนุนให้หน่วยงานและองค์กรเครือข่าย มีส่วนร่วมในการจัดกิจกรรม ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม เสริมสร้างเจตคติของสังคมในการคำนึงถึงศักดิ์ศรีและคุณค่าความเป็นมนุษย์ รวมทั้งส่งเสริมศักยภาพและพิทักษ์คุ้มครองสิทธิมนุษยชนของสตรี และความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับการจัดงานวันสตรีสากล ประจำปี 2560 นี้ จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “พลังสตรี พลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย” โดยมีผู้ร่วมงาน จำนวน 1,000 คน ประกอบด้วย ผู้เข้ารับรางวัลเชิดชูเกียรติ คณะกรรมการนโยบาย และยุทธศาสตร์การพัฒนาสถานภาพสตรีแห่งชาติ (กยส.) คณะกรรมการดำเนินงานวันสตรีสากล ผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค และสื่อมวลชน ซึ่งกิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย พิธีมอบโล่ประกาศเกียรติคุณให้กับสตรี บุคคล และหน่วยงานองค์กรที่มีผลงานดีเด่นที่ดำเนินงานด้านการส่งเสริมความเสมอระหว่างหญิงชาย การพิทักษ์และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของสตรี จำนวน 20 สาขา รวม 47 รางวัล เพื่อยกย่องเชิดชูเกียรติสตรี บุคคล หน่วยงาน องค์กรที่มีผลงานดีเด่นด้านการส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชาย เพื่อเป็นกำลังใจ ให้กับผู้ที่ทุ่มเททำงาน เพื่อความก้าวหน้าของสตรีและความเสมอภาคระหว่างหญิงชาย ซึ่งในปีนี้มีบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ได้รับรางวัล หลายคน เช่น คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล ได้รับรางวัลบุคคลดีเด่น ด้านการคุ้มครองสิทธิและการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ (ประเภทบุคคลภาคเอกชน) นางยุวดี จิราธิวัฒน์ ได้รับรางวัล นักธุรกิจสตรีดีเด่น (ภาคกลางและภาคตะวันออก) นางสาวชลิตา ส่วนเสน่ห์ Miss Universe Thailand 2016 และ นางสาวไปรยา สวนดอกไม้ ลุนเบิร์ก ได้รับรางวัลสตรีตัวอย่าง สร้างแรงบันดาลใจ เป็นต้น “นอกจากนี้ การจัดงานครั้งนี้ ยังมีการมอบข้อเสนอเชิงนโยบายจากการประชุมสมัชชาสตรีแห่งชาติ ประจำปี 2560 จากคณะผู้แทนสมัชชาสตรีแห่งชาติ การจัดนิทรรศการเชิดชูเกียรติสตรี บุคคล หน่วยงานที่ได้รับรางวัล และนิทรรศการ ของหน่วยงานองค์กรที่ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาสตรี และการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างหญิงและชาย พร้อมทั้ง มีการอภิปรายและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประเด็นสตรีกับเศรษฐกิจในมิติต่างๆ อีกด้วย” พลตำรวจเอก อดุลย์ กล่าวในตอนท้าย