ความคืบหน้ากรณียายตายแล้วฟื้นคืนชีพ ล่าสุดผอรพ.ศูนย์อุดรธานีออกมาเปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวบอกคุณยายมารักษาที่รพ.ศูนย์อุดรธานีหมอเช็คไม่มีชีพจรตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว วันนี้ (24 ต.ค.62) นพ.ณรงค์ ธาดาเดช ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เปิดเผยถึงกรณีคุณยายวัย 70 ปีที่อ.หนองหานตายแล้วฟื้นขึ้นมานั้น นพ.ณรงค์ ธาดาเดช ผอ.โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตรายดังกล่าวถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยการถูกส่งตัวต่อมาจากโรงพยาบาลหนองหาน ที่เอ็กซ์เรย์มาแล้วว่ามีเส้นเลือดใหญ่ที่ไปสมองอุดตัน ทำให้สมองขาดเลือด และผู้ป่วยหายใจเองไม่ได้ ต้องให้ออกซิเจนและเครื่องช่วยหายใจมา และมีก้อนที่บริเวณลำคอก้อนใหญ่ที่เป็นไทรอยส์ เข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 7-20 ตุลาคม 62 ที่ผ่านมา โดยทางญาติก็ทราบว่าผู้ป่วยมีอายุ 70 ปี โอกาสฟื้นตัวได้น้อย ทางญาติจึงขออนุญาตนำตัวผู้ป่วยกลับไป เพื่อให้เสียชีวิตที่บ้าน และกลับไปถึงบ้านได้ 2-3 วัน ก็ทราบว่าทางญาติได้ประเมินว่าผู้ป่วยได้เสียชีวิตแล้ว จึงจัดพิธีทางศาสนา แต่ขณะที่กำลังจะทำพิธีฌาปนกิจศพอยู่นั้น ผู้เสียชีวิตได้ลืมตา ซึ่งในกรณีดังกล่าวนั้น อาจจะเกิดจากการที่ถูกความเย็นในโลงเย็นแล้ว หรือช่วงที่เสียชีวิตมีเซลล์บางส่วนที่ฝ่อลงและบางลง เมื่อมีน้ำไปโดนขณะล้างหน้าศพ ก็อาจเป็นปฏิกิริยา กล้ามเนื้อเกิดปฏิกิริยากล้ามเนื้อหดตัวทำให้ตาลืมขึ้น ซึ่งหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลหนองหาน ก็ได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบแล้ว มีการใช้เครื่องมือกระตุ้นหัวใจ และวัดหาสัญญาณชีพ ก็พบว่าผู้เสียชีวิตไม่มีชีพจรแล้ว นพ.ณรงค์ฯกล่าวให้ความรู้ต่อไปอีกว่า การประเมินการเสียชีวิต ทางการแพทย์มีอยู่เช่น สมองตาย หัวใจหยุดเต้น สิ้นลมหายใจ ก็สามารถลงความเห็นว่าเสียชีวิตแล้ว ในกรณีที่ตายผิดธรรมชาติก็จะมีแพทย์เข้าไปตรวจสอบ แต่ในกรณีที่ผู้ป่วยกลับไปหมดลมที่บ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นญาติพี่น้องเป็นผู้ลงความเห็นในการเสียชีวิต แต่ก็สามารถร้องขอให้แพทย์เข้าไปตรวจสอบได้ ซึ่งกรณีที่มีผู้เสียชีวิต 24 ชั่วโมงแรกร่างอาจจะแข็ง แต่พอผ่านไปหลังจาก 24 ชั่วโมงไปแล้ว ร่างกายกล้ามเนื้อจะอ่อนลง ซึ่งผู้เสียชีวิตรายนี้ร่างกายอ่อนลง เพราะเสียชีวิตมานานนั่นเอง อุดม ///จ.อุดรธานี