ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Pat Hemasuk ระบุว่า...
ไม่เป็นอย่างที่คิดสร้างวาทะกรรมล่วงหน้าเอาไว้ตามข่าว ผลออกมาแล้วว่า มติคนนครปฐมเอาลุงตู่ ??? สิ่งที่อนาคตใหม่คิดเอาไว้คือ 34,000 คะแนน เมื่อครั้งก่อนอย่างไรก็ไม่พลิก และ ชาติไทยพัฒนา กับ ประชาธิปัตย์ จะตัดคะแนนกันเอง ทำให้อนาคตใหม่คิดว่าอย่างไรก็ไม่พลาด ทำให้สร้างวาทะกรรมได้ว่าการชนะเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้คือมติของประชาชนที่ไม่เอาลุงตู่ แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย ปชป.ยังได้คะแนนจากแฟนพรรคเท่าเดิมซึ่งไม่น่าแปลกใจ ส่วนชาติไทยพัฒนานั้นครั้งก่อนได้เพียงหนึ่งในสามของอนาคตใหม่ แต่ด้วยความที่เป็นเจ้าของพื้นที่แต่เดิมและไม่มีพรรคใหญ่พรรคอื่นมาตัดคะแนนเหมือนครั้งก่อน ทำให้เกมพลิกอย่างที่เห็น ************************************** เกมพลิกครั้งนี้บอกอะไรบ้าง *** อย่างแรกความอ่อนต่อโลกของพรรคอนาคตใหม่ที่คิดว่าคนที่ลงคะแนนครั้งก่อนยังคงให้คะแนนเหมือนเดิม ซึ่งเกมการเลือกตั้งนั้นไม่ใช่เลย คนที่เห็นการเมืองมานานจะไม่มีใครกล้าแม้แต่ที่จะคิดมั่นใจแบบนั้น แม้แต่คืนวันหมาหอนก็ยังไม่มีใครกล้าบอกว่าตัวเองจะชนะในวันพรุ่งนี้ *** วาทะกรรมที่เอามาโยงก่อนเลือกตั้งว่าชัยชนะครั้งนี้คือมติของประชาชนที่ไม่เอารัฐบาลอย่างมั่นใจ ทำให้คนที่เคยให้คะแนนเริ่มเอียนวาทะกรรมหลายเรื่องที่พรรคนี้สร้างออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นเพียงคำพูดสวยหรูที่ไม่เคยเป็นจริง และที่สำคัญคือการโกหกหน้าตายของอีลิตพรรคในหลายเรื่อง เลยทำให้คนเบื่อวาทะกรรมแล้วโยนคะแนนให้พรรคอื่น *** มนต์ขลังของการชูว่าพรรคนี้คือพรรคของคนรุ่นใหม่นั้นไม่ใช่อีกต่อไปแล้ว เพราะสิ่งที่ผู้บริหารพรรคแสดงออกมานั้น ปาหี่ พอสมควร คนที่ให้คะแนนครั้งก่อนมองว่าพรรคนี้ก็เป็นเพียงนักการเมืองแบบเดิมๆ อีกกลุ่มหนึ่ง นายทุนอีกกลุ่มหนึ่ง และอำมาตย์ใหม่อีกกลุ่มหนึ่งที่พอใส่เครื่องแบบข้าราชการชุดขาวมีเหรียญตราติดหน้าอกแล้วก็กลายร่างเป็นสิ่งที่พวกเขาเคยบอกคนอื่นว่าต่อต้านเมื่อปีที่ผ่านมานั่นเอง *** พรรคแตก เอกภาพของคนในพรรคเริ่มสั่นคลอน เหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นแสดงให้เห็นว่าพรรคเป็นของคนไม่กี่คน ไม่ใช่พรรคของมวลชนอย่างที่พูดเอาไว้ และจากที่มีกรณีการพิจารณาลงโทษ สส. ที่โหวตสวน หรือ สส.ที่ทำตัวมีปัญหาต่อกลุ่มอีลิตของพรรคนั้น รวมถึงเรื่องภายในพรรคที่เริ่มไหลออกมาเรื่อยๆ ว่ากลุ่มที่สอบตกนั้นกลายเป็นขยะของพรรคที่ไม่ได้รับการเหลียวแลในการทำกิจกรรมในพื้นที่ กลุ่ม สส.ที่ไม่ใช่คนในหรือเพื่อนสนิทของผู้บริหารระดับสูงของพรรค ก็เหมือนประชากรชั้นสองที่มีหน้าที่เพียงยกมือตามมติพรรคเท่านั้น *** พรรคมีแนวโน้มอาจจะโดนยุบ เพราะมีแนวโน้มทางกฎหมายหลายเรื่องที่เข้าคิวรอขั้นตอนทางกฎหมาย ทำให้คนลงคะแนนคิดว่าจะลงคะแนนให้พรรคที่มีปัญหาไปทำไม โยนคะแนนให้พรรคอื่นที่ไม่มีปัญหาดีกว่า นั่นคือแฟกเตอร์ทั้งหมดที่ทำให้เกมพลิกวันปิยะนั้นเกิดขึ้นมาให้เห็น