เมื่อช่วงเย็นวันที่ 22 ต.ค.62 ที่ผ่านมาที่สถานีตำรวจภูธรเมืองยโสธร นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ พร้อมทีมงานได้เดินทางมาแจ้งความกับ พันตำรวจโท มิตรชัย บุญล้ำ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองยโสธรเนื่องจากผมพร้อมกับทีมงานมูลนิธิร่วมกตัญญูได้เดินทางมามอบเงินและถุงยังชีพให้กับชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่จังหวัดยโสธรโดยมอบเป็นเงินสดครอบครัวละ 5,000 บาท และต่อมาทราบว่าได้มีมิจฉาชีพหรือผู้ไม่หว้งดีมาแอบอ้างว่าเป็นทีมงานและเข้าเรียกเก็บเงินคืนจากชาวบ้าน 4,000 บาท โดยอ้างว่าจะนำเงินจำนวนนี้ไปดูแลค่าที่พักค่าอาหารและค่าดำเนินการอื่นให้กับผู้ตนและทีมงานแต่ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใดเพราะว่าผู้แจ้งกับทีมงานไม่เคยใช้เงินส่วนนี้ อีกทั้งมีผู้นำหมู่บ้านหรือผู้นำชุมชนบางคนได้แจ้งข้อมูลเท็จอีกจึงมาแจ้งความเอาผิดในครั้งนี้ นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ๋ เทพบตรนักบุญ กล่าวว่าผมไม่พอใจมากๆที่ได้ยินข่าว ที่ผู้นำบางคน หรือผู้ที่มีความคิด หาเศษหาเลยกับชาวบ้านเล็กๆน้อยๆจากเงินบริจาคจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ เพื่อจะเอาเข้าพกเข้าห่อของตัวเอง เป็นการคิดวางแผน ไว้เรียบร้อยกับชาวบ้านกับกับใครก็แล้วแต่ เป็นการวางแผน บางพื้นที่น้ำไม่ท่วม แต่ผู้ใหญ่บ้านกำนันบางคนรับรองมาว่าน้ำท่วม แล้วมารับเงิน ตรงนี้ผมไม่สบายใจ และผมรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก และอีกอย่าง มีการแอบอ้างว่าทีมงานของผมบางคนไปขอเงินคืน เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเช่าโรงแรมค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อันนี้ผมรู้สึกว่าเลวบัดซบมาก ซึ่งตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่รู้สึกว่าผมโกรธและไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง กรณีอย่างนี้ที่ผมมา ผมมาด้วยความรู้สึกบริสุทธิ์ใจ และอยากจะให้ผู้ที่ถูกน้ำท่วม เป็นพื้นที่จริงและรับไปเลย 5,000 บาท ผมไม่มีการมาเสียดาย เพราะเป็นเงินของพี่น้องประชาชนบริจาค แต่บางคนคิดชั่วน้ำไม่ท่วม เอาผู้นำชุมชนมาเซ็นรับรอง ผู้นำชุมชนบางคนบอกไม่รู้เรื่อง ไปเอาที่อื่นมาเซ็นรับรอง ซึ่งผมเองลงมาพื้นที่ ผมรู้ว่าน้ำมันแห้งอยู่แล้ว ผมจะเดินไปสำรวจว่าตรงไหนน้ำท่วมบ้าง มันก็หมดเวลาไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ดังนั้นผมอยากจะได้ความจริงใจจากผู้นำชุมชน ให้กับผมก่อน หรือใครก็ได้ที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในพื้นที่ให้ความจริงใจกับผมบ้าง ยืนยันว่าพื้นที่นี้น้ำท่วมจริง ตอนนี้ผมต้องย้อนกลับไปดูว่า พื้นที่ไหนน้ำไม่ท่วม ที่มีผู้นำชุมชนรับรองมา แต่มีข้อมูลมาว่าบ้านนี้น้ำไม่ท่วม แต่กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน รับรองมา คุณต้องรับผิดชอบ ผมไม่ยอม ตอนนี้ผมแจ้งความและลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อย บอกได้เลยว่าผมไม่สบายใจเป็นอย่างมาก จะเป็นใครก็แล้วแต่ จะมีตำแหน่งใหญ่โตอะไร หรือไม่ จะสนิทกับผมหรือเป็นทีมงานของผม ผมยืนยันว่าไม่ยอมเด็ดขาด และไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ในจังหวัดอื่นๆด้วย นายบิณฑ์ ยังกล่าวอีกว่าตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ไม่เคยรู้สึก อารมณ์เสียขนาดนี้ เหตุการณ์ต่างๆผมสู้ได้ตลอด แต่รู้สึกเหนื่อยใจมากกว่าที่เจอผู้นำชุมชนที่ไม่มีความจริงใจกับเรา หวังแต่ได้ผลประโยชน์ให้กับตัวเอง ผมรู้สึกเสียใจ เพราะเงินที่นำมาแจกไม่ใช่เงินของผม เป็นเงินของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศบริจาคมา ซึ่งผู้ที่มารับควรจะได้หรือไม่ผู้นำชุมชนควรมีความจริงใจดูแลพี่น้องประชาชนของตนว่าควรจะได้รับเงินบริจาคนี้หรือไม่ ไม่ใช่มาแสวงหาผลประโยชน์อย่างนี้ ซึ่งการกระทำแบบนี้ ไม่ใช่เป็นการหลอกลวงทีมงาน แต่เป็นการหลอกคนไทยทั้งประเทศที่มีจิตใจอันเป็นกุศล อยากช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน