เมื่อปฏิญญายูเนสโกเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ The UNESCO Sustainable Tourism Pledge ถือเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกความเข้าใจที่ต่อเนื่อง ระหว่างเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อันเป็นผลมาจากความร่วมมือและการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จนับตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2561 ที่ผ่านมา ซึ่งในครั้งนี้ทางองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้เข้าร่วมโครงการระดับโลกโครงการแรกของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ด้วยข้อตกลงแบบไตรภาคีเชิงกลยุทธ์ จึงน่าจะสร้างความมั่นใจ ถึงภาคการท่องเที่ยวของไทยที่สามารถเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง ทั้งการให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นการทำให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างยั่งยืนอีกด้วย สร้างแรงจูงใจท่องเที่ยวยั่งยืน โดย นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชีย และแปซิฟิกใต้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ความยั่งยืนเป็นประเด็นสำคัญสำหรับททท. และเพื่อเตรียมรับการฉลองครบรอบ 60 ปี ในปี 2563 จึงทำให้การร่วมมือกับ เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป และ ยูเนสโกจะช่วยให้ททท.สามารถสร้างแรงจูงใจให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในภาคธุรกิจ และผู้ประกอบการทุกอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้เร่งพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนทั่วประเทศ รวมทั้งสนับสนุนประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวใหม่ ๆ ภายในประเทศ พร้อมกันนี้ข้อตกลงดังกล่าวยังสนับสนุนเรื่องความเป็นผู้นำ และความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเลและการแก้ไขปัญหาขยะในทะเล โดยเฉพาะขยะพลาสติกในอาเซียน ทั้งนี้ภายใต้ปฏิญญานี้ทุกฝ่ายมุ่งที่จะสนับสนุนการลดและกำจัดพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว รวมทั้งส่งเสริมวัฒนธรรมท้องถิ่นและกิจกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย เพราะในความเป็นจริง ทุกคนต้องการมีส่วนร่วมในการปกป้องโลกและวัฒนธรรมเนื่องจากในแต่ละปีมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากถึง 1.4 พันล้านคนที่เดินทางท่องเที่ยว เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีผลต่อโลกทั้งทางด้านบวก และด้านลบนั้นเอง ซึ่ง นาย เอร์เนสโต อ็อตโตเน อาร์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการทั่วไปด้านวัฒนธรรรม องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กล่าวว่า ปฏิญญาเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนมีจุดมุ่งหมาย คือ เป็นการเปลี่ยนจากคำพูดให้เป็นการลงมือปฏิบัติ การร่วมกันระหว่างเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ปและโครงการนำร่อง โดยความร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ จะเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยลดปริมาณขยะในภาคการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมบทบาทของด้านวัฒนธรรมที่จะทำให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน นับเป็นสิ่งที่ดีต่อโลก และชุมชนและอาจเป็นจุดเริ่มต้นครั้งสำคัญที่จะยกระดับการดำเนินการสู่ระดับโลก สนับสนุนเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ ด้าน นาย ฌอง-ฟิลิปป์ โมโนด รองประธานสายงานกิจกรรมองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป กล่าวว่า นับตั้งแต่การประกาศบันทึกความเข้าใจฉบับก่อนของเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป ที่ทำงานร่วมกับททท. อย่างใกล้ชิด เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติมายังแหล่งท่องเที่ยวที่เกิดใหม่ต่าง ๆ อาทิ เชียงราย และแม่ฮ่องสอน ความพยายามดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการด้านที่พักในเชียงรายผ่านทางเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป เพิ่มขึ้น25%ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นนักเดินทางท่องเที่ยวชาวต่างประเทศซึ่งเป็นลูกค้าประเภทที่มีมูลค่าสูง มีการใช้จ่ายกว่า 10 % สำหรับค่าที่พักในแต่ละวัน โดยประมาณ 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวเหล่านี้ได้เลือกจองโรงแรมระดับสี่หรือห้าดาว ซึ่งสูงกว่านักท่องเที่ยวในประเทศถึง 1.5 เท่า เพราะฉะนั้นในบันทึกความเข้าใจที่มีการต่ออายุฉบับนี้ เอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ป จึงหวังที่จะสนับสนุนเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของ ททท. โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ซึ่งเน้นการเจาะกลุ่มคุณภาพรายกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง มีความใส่ใจสิ่งแวดล้อม กลุ่มนักท่องเที่ยวใหม่ และกระตุ้นการเดินทางเข้ามาประเทศไทยในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว รวมทั้ง ใช้ระบบดิจิทัล เป็นเครื่องมือหลักที่ใช้ในการเข้าถึงลูกค้า ผ่านแคมเปญการตลาดดิจิทัลที่ยั่งยืน สร้างและส่งเสริมโอกาสการท่องเที่ยวใหม่ ๆ ในประเทศไทย ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ในอุตสาหกรรม เทคโนโลยีดิจิทัลและบิ๊กดาต้า เพื่อให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์เกี่ยวกับวิสัยทัศน์และแผนการท่องเที่ยวของประเทศไทย อย่างไรก็ตาม นาย ฌอง กล่าวว่าปฏิญญาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเอ็กซ์พีเดีย กรุ๊ปที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และเสริมสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมของคู่ค้าในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพราะเป็นหน้าที่ของทุกคนในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เพื่อช่วยอนุรักษ์แหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามทั่วโลก ซึ่งการทำงานร่วมกันในครั้งนี้จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมภาคธุรกิจการท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีการร่วมมือกับภาคธุรกิจการให้บริการ เพื่อเสริมสร้างจิตสำนึกและแนวทางปฏิบัติด้านการท่องเที่ยวเพื่อสิ่งแวดล้อม พร้อมส่งเสริมโอกาสใหม่ ๆ สำหรับการท่องเที่ยวเดินทางแบบยั่งยืนในประเทศไทย