พ่อ แม่ ลูก 1 ในนั้นเป็นเด็กผู้หญิงวัยแค่ 7 ปี อาการสาหัสมาก ต้องเคลื่อนย้ายไปรักษาตัวต่อที่ รพ.ในตัวจังหวัดฯ 3 ชีวิตขับขี่นั่งรถซาเล้งพ่วงข้างมากับพ่อและแม่เพื่อไปเติมน้ำมัน ระหว่างทางข้าม 4 แยก ถนนเลียบริมคลองชลฯ เจอรถกระบะขับข้ามทางร่วมทางแยกพุ่งชนพ่วงข้างอย่างจังจนผู้เป็นพ่อเสียชีวิตคาที่ ส่วนภรรยาและลูกสาวบาดเจ็บสาหัส ชาวบ้านทราบข่าววิจารณ์ ขม วอน หน่วยงานรับผิดชอบขอไฟเขียวไฟแดงด่วน หาไม่คงเกิดอุบัติเหตุมีคนบาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีกเป็นแน่ ด้านคนขับรถกระบะหลังขับรถพุ่งชนได้สติลงจากรถก้มกราบร่ำไห้สะอื้น ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้ง มองไม่เห็นเพราะราวสะพานบัง เวลา 17.00 น.ของวันที่ 20 ต.ค.62 ร.ต.อ.สุเทพ มรกตจักษุพันธุ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำรอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจากตำรวจสายตรวจประจำจุดบริการประชาชนบ้านสระเศรษฐี ต.บ้านใหม่ฯ ว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์กระบะพุ่งชนรถซาเล้งพ่วงข้างมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายในที่เกิดเหตุ เหตุเกิดบริเวณ 4 แยกถนนเลียบริมคลองชลประทานสายบ้านหนองโก-พังตรุ หมู่ 5 ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วงฯ หลังรับแจ้งจึงรีบเดินทางไปตรวจสอบพร้อมประสานแพทย์เวร รพ.สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ให้มาร่วมทำการชันสูตรพลิกศพ ที่เกิดเหตุพบว่า เจ้าหน้าที่มูลนิธิมิราเคิล ออฟไลฟ์(กู้ชีพพุ่อขุนรัตนาวุธ)กำลังยืนอำนวยความสะดวกด้านการจราจรในที่เกิดเหตุ ซึ่งเกรงว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อนเกิดขึ้นได้ เนื่องจากช่วงเวลาเกิดเหตุดังกล่าวเป็นช่วงตอนเย็นจึงมียวดยานพาหนะวิ่งผ่านไปมาบริเวณ 4 แยกเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโว่สีดำ หมายเลขทะเบียน 2 ฒต.-7872 กรุงเทพมหานครฯ จอดอยู่ริมไหล่ทางในสภาพด้านหน้ารถชนกับเสาไฟฟ้าส่องสว่างและชนกับรถ จยย.ซาเล้งพ่วงข้างยี่ห้อฮอนด้าดรีมสีน้ำเงินดำ หมายเลขทะเบียน กมธ.-887 กาญจนบุรี ทำให้ด้านหน้ารถและตัวพ่วงข้างพังเสียหาย และตัวเสาไฟฟ้าโค่นเอนลงมา ที่บริเวณหน้ารถซาเล้งพ่วงข้างพบร่างของผู้เสียชีวิตนอนหงายเลือดไหลนองพื้นอยู่ในสภาพเลือดไหลออกปากออกจมูก กะโหลกศีรษะแตก หัวไหล่ด้านซ้ายหักผิดรูป สอบสวนทราบชื่อผู้ตายชื่อนายหวาน ผ่องใส อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/2 หมู่ 4 ต.ม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงวัวฝูง จากการสอบสวนทราบอีกว่า อุบัติเหตุครั้งนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 รายซึ่งเป็นภรรยากับลูกสาวของผู้ตาย ภรรยาชื่อนางปราณี โพธิ์กิ่ง อายุ 48 ปี ส่วนลูกสาวชื่อ ดญ.จันนภา ผ่องใส อายุ 7 ปี ซึ่งอาการสาหัสมากเป็นตายเท่ากัน ทาง รพ.ฯ ได้เคลื่อนย้ายไปรักษาตัวต่อที่ รพ.พหลพลพยุหเสนาฯ เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบจากผู้เห็นเหตุการณ์ว่า ขณะที่นายหวาน ผู้ตายได้ขี่รถ จยย.ซาเล้งพ่วงข้างพาภรรยาและลูกสาวออกจากบ้านริมเชิงภูเขาที่ผู้ตายไปปลูกกระต๊อบเลี้ยงวัว เพื่อออกไปเติมน้ำมันที่ปั้มน้ำมันใกล้จุดบริการชาชนบ้านสระเศรษฐี ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร โดยขี่รถมาทางตรง เมื่อมาถึงช่วงกลาง 4 แยก ได้มีรถยนต์กระบะคันดังกล่าวซึ่งมีนายประยงค์ พันทา อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/1 หมู่ 9 ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นช่างรับเหมาเป็นคนขับมากับภรรยา ได้ขับรถวิ่งมุ่งหน้ามาตามถนนเลียบริมคลองชลประทานฯ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถก็วิ่งเข้าชนรถซาเล้งพ่วงข้างของนายหวานกับภรรยาและลูกอย่างจังจนทำให้นายหวานเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายประยงค์ ไปทำการตรวจเลือดเพื่อหาแอลกอฮอลล์ในกระแสเลือด และควบคุมตัวไปสอบปากคำเพื่อดำเนินการตามกฏหมาย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุนายประยงค์ พร้อมด้วยภรรยาได้เปิดประตูเดินลงมาจากรถพร้อมทั้งร้องไห้โฮตรงเข้าไปก้มกราบร่างอันไร้วิญญาณของนายหวานผู้ตาย และร่ำไห้ด้วยเสียงสะอื้นว่า"ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ครับ ผมมองไม่เห็นเพราะราวสะพานมันบัง" ซึ่งนายประยงค์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะขับรถชนรถผู้ตายเลย เลิกงานก่อสร้างที่บ้านหัวนา ในตัวเมืองกาญจน์แล้ว เพื่อนๆ ได้โทรศัพท์มาตามให้ไปทำงานต่อที่ จ.ภูเก็ต พุ่งนี้ กะว่าวันนี้ขับรถไปเรื่อยๆ แวะพักตามทาง ไม่คิดว่าจะมาเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้น ผมเสียใจจริงๆ นายประยงค์ กล่าวโอดครวญในตอนท้าย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเกิดเหตุชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาดูพร้อมทั้งจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ว่า ที่ผ่านมา ได้ขอสัญญาณไฟเขียวไฟแดงไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครสนใจ หรือหน่วยงานไหนมาติดตั้งให้ 4 แยกถนนเลียบริมคลองชลฯ จุดนี้เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บล้มตายมาแล้วเป็นร้อยๆ ศพแล้ว จนชาวบ้านต่างขนานนามว่า 4 แยกร้อยศพ เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ก็ชนกันไปแล้วครั้งหนึ่ง มีแต่คนเจ็บ ไม่มีคนตาย นี่ก็มาเกิดอีกครั้ง แต่คราวนี้มีทั้งคนเจ็บ คนตาย อยากขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยมาติดตั้งสัญญาณไฟเขียวไฟแดงให้ทีเถอะ หาไม่ต้องต้องมาคนเจ็บ คนตายอีกไม่รู้กี่ศพต่อกี่ศพแน่นอน