ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ภายใต้กรอบวงเงิน 3.2 ล้านล้านบาทในวาระแรก ตั้งแต่วันที่17 ต.ค. จนถึงวันนี้ 19ต.ค. จากนั้นที่ประชุมสภาฯ จะมีการลงมติว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้จะสามารถผ่านสภาฯ ในวาระแรกได้หรือไม่ ทั้งนี้ ฝ่ายรัฐบาลนั้นได้พยายามแก้ปัญหา “เสียงปริ่มน้ำ” มาโดยตลอด เนื่องจากการพิจารณาลงมติร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับนี้คือร่างกฎหมายการเงินฉบับแรก ที่จะสามารถ “ชี้ชะตา” ของฝ่ายรัฐบาล เพราะหากที่ประชุมลงมติด้วย “เสียงข้างมาก” ไม่ผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ฉบับนี้ รัฐบาล ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะมีทางเลือกแค่ 2 ทางเท่านั้น คือ หนึ่ง ประกาศยุบสภา และ สอง รัฐบาลลาออกทั้งคณะ ! ดังนั้น “เสียงส.ส.” ของฝ่ายรัฐบาลจึงมีความจำเป็นและสำคัญ ทุกเสียง ตลอดจน “พรรคร่วมรัฐบาล” ที่กอดคอกันอยู่เวลานี้ทั้งสิ้น 16พรรคการเมือง เนื่องจากพรรคไทยศรีวิไลย์ และพรรคประชาธรรมไทย ประกาศตัวเป็น “ฝ่ายค้านอิสระ” “สยามรัฐ” ได้ตรวจสอบเสียงส.ส.ของฝ่ายรัฐบาลพบว่ามีทั้งสิ้น 250 เสียง ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ 116 เสียง เหลือ 115 เสียง เนื่องจาก ตัด กรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งแจกใบเหลือง) พรรคประชาธิปัตย์ 53เสียง พรรคภูมิใจไทย 51เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรคชาติพัฒนา3 เสียง พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 เสียง พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง และ 8 พรรคเล็ก ทั้งสิ้น 8 เสียง ทั้งนี้ในส่วนของรัฐบาลจะเหลือส.ส.ที่สามารถยกมือโหวตได้เพียง 247 เสียงเนื่องจากต้องตัด “ประธาน” และ “รองประธานสภาฯ” อีก 2 คน ล่าสุด 2พรรคฝ่ายค้านอิสระ ทั้งพรรคไทยศรีวิไลย์และพรรคพรรคประชาธรรมไทย ประกาศยก “2เสียง” โหวตลงมติให้ผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ฯ กับฝ่ายรัฐบาลแล้ว ทำให้เวลานี้ เสียงโหวตของฝ่ายรัฐบาล มีในมือทั้งสิ้น 247+2 = 249 เสียง ขณะที่ “7พรรคฝ่ายค้าน” รวมทั้งมีเสียงส.ส.ในมือทั้งสิ้น 243 เสียง ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย 136เสียง (ตัด นวัธ เตาะเจริญสุข ที่ศาลชั้นต้น จ.ขอนแก่น ตัดสินประหารชีวิต คดีจ้างวานฆ่าปลัด อบจ.ขอนแก่น) เหลือ 135เสียง พรรคอนาคตใหม่ 81 เสียง (จากเดิมมีทั้งสิ้น81ส.ส.แต่ตัดจุมพิตา จันทรขจร ส.ส.อนาคตใหม่ นครปฐม เขต 5 ที่ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากปัญหาทางสุขภาพ โดยจะมีการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 20 ต.ค.นี้ และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.อนาคตใหม่ ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว) เหลือ 79เสียง พรรคเสรีรวมไทย 10 เสียง พรรคประชาชาติ 7 เสียง พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 เสียง พรรคเพื่อชาติ 5 เสียง และพรรคพลังปวงชนไทย 1 เสียง สำหรับการโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ นั้นในที่ประชุมจะใช้ “เสียงข้างมาก” จาก ส.ส.ที่มาประชุมในวันที่ 19 ต.ค.นี้ โดยตามกำหนดการคาดว่าจะมีการลงมติในเวลา 20.00 น. ประเด็นที่ต้องจับตาในการลงมติ “รับ-ไม่รับ” ร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ในครั้งนี้ นอกจากจะต้องดู “เสียงข้างมาก” ซึ่งฝ่ายรัฐบาลแสดงความมั่นใจตลอดหลายวันที่ผ่านมา ว่า “ผ่านฉลุย” แล้ว ยังต้องเช็คชื่อกันด้วยว่า งานนี้ จะมี “งูเห่า” จาก “7พรรคฝ่ายค้าน” เปิดตัว ลงมติโหวตหนุนร่างกฎหมายการเงินให้กับรัฐบาล หรือไม่ หรือจะใช้วิธีการ “ขาดประชุม” เพื่อหลีกเลี่ยงการ “เปิดหน้า” แสดงตัวเป็น “งูเห่า” ก็ล้วนแล้วแต่จะส่งผลต่อ “คะแนนเสียง”ในที่ประชุมสภาฯ ทั้งสิ้น !