วันที่ 18 ต.ค. 62 นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำเก็บกักในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารามีอยู่ราว 74.63 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 28.38 ของความจุเขื่อน มีน้ำไหลเข้าราว 460,000 ลบ.ม. ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากมีฝนน้อยลงและขณะนี้ได้หยุดการส่งน้ำสำหรับพื้นที่การเกษตร แต่ยังคงส่งน้ำให้เฉพาะการผลิตน้ำประปาของ กปภ.เชียงใหม่ ราว 50,000 ลบ.ม.ต่อวัน
“การงดส่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรสืบเนื่องจากมีฝนตกในพื้นที่และมีปริมาณน้ำเพียงพอที่จะเลี้ยงต้นข้าว และไม้ยืนต้นต่างๆ ได้ โดยปีนี้มีการปลูกข้าวนาปีในพื้นที่บริการของเขื่อนแม่กวงฯ ปลูกข้าวทั้งหมด 120,133 ไร่ คิดเป็น 100 % เต็มพื้นที่การเกษตร สำหรับการส่งน้ำเพื่อข้าวนาปีรอบที่ 3 จะสิ้นสุดลงก่อนกำหนดในวันที่ 20 ต.ค.62 เนื่องจากคณะกรรมการ JMC และเกษตรกรผู้ใช้น้ำ ร่วมกับเจ้าหน้าที่เขื่อนแม่กวงฯ มีการตรวจสอบและสำรวจพื้นที่อย่างต่อเนื่องทำให้สามารถบริหารจนประหยัดน้ำได้รวมทั้งสิ้น 23 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 34 จากแผนที่ต้องส่งจริง ซึ่งจะทำให้รักษาปริมาณน้ำในเขื่อนไว้เพื่อฤดูแล้งหน้าที่จะมาถึงนี้” ผอ.เขื่อนแม่กวงฯ กล่าว
นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ยังกล่าวอีกว่า การจะประหยัดการใช้น้ำจากเขื่อนแม่กวงฯ ได้มีเหตุปัจจัยอยู่ 2 ประการ คือ ประการแรกมีฝนตกในพื้นที่เพาะปลูก หรือมีแหล่งน้ำในพื้นที่เพียงพอสำหรับหล่อเลี้ยงต้นข้าวกว่า 1.2 แสนไร่ รวมถึงไม้ยืนต้นด้วย อีกประการมาจากการบริหารจัดการที่ดีร่วมกันระหว่าง คณะกรรมการบริหารตัดการน้ำชลประทาน (JMC) เกษตรกรผู้ใช้น้ำ และเจ้าหน้าที่ชลประทานแม่กวงฯ ซึ่งทุกวันนี้ทั้งเจ้าหน้าที่ของแม่กวงฯ และเกษตรผู้ใช้น้ำมีการประสานการผ่านโปรแกรมไลน์ โดยผู้ใช้น้ำเองจะเป็นผู้แจ้งให้งดส่งน้ำเข้าไปในพื้นที่หากมีน้ำเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงต้นข้าว อย่างเช่นวันนี้(18 ต.ค.) ก็มีแจ้งเข้ามาจากตอน 4 คือฝั่งซ้ายของคลองส่งน้ำ ของดการส่งน้ำรอบเวรที่ 3 วันที่ 19 – 23 ต.ค. เนื่องจากมีฝนตกในพื้นที่และมีน้ำในพื้นที่เพียงพอ นั่นหมายความว่า ณ วันนี้เขื่อนแม่กวงฯ สามารถงดส่งน้ำได้ยาวไปถึงวันที่ 23 ต.ค. 62 ซึ่งจะทำให้ประหยัดน้ำเพิ่มขึ้นไปอีก 2 ล้าน ลบ.ม.
นายเจนศักดิ์ ลิมปิติ ยังกล่าวอีกว่า การจะประหยัดการใช้น้ำจากเขื่อนแม่กวงฯ ได้มีเหตุปัจจัยอยู่ 2 ประการ คือ ประการแรกมีฝนตกในพื้นที่เพาะปลูก หรือมีแหล่งน้ำในพื้นที่เพียงพอสำหรับหล่อเลี้ยงต้นข้าวกว่า 1.2 แสนไร่ รวมถึงไม้ยืนต้นด้วย อีกประการมาจากการบริหารจัดการที่ดีร่วมกันระหว่าง คณะกรรมการบริหารตัดการน้ำชลประทาน (JMC) เกษตรกรผู้ใช้น้ำ และเจ้าหน้าที่ชลประทานแม่กวงฯ ซึ่งทุกวันนี้ทั้งเจ้าหน้าที่ของแม่กวงฯ และเกษตรผู้ใช้น้ำมีการประสานการผ่านโปรแกรมไลน์ โดยผู้ใช้น้ำเองจะเป็นผู้แจ้งให้งดส่งน้ำเข้าไปในพื้นที่หากมีน้ำเพียงพอที่จะใช้เลี้ยงต้นข้าว อย่างเช่นวันนี้(18 ต.ค.) ก็มีแจ้งเข้ามาจากตอน 4 คือฝั่งซ้ายของคลองส่งน้ำ ของดการส่งน้ำรอบเวรที่ 3 วันที่ 19 – 23 ต.ค. เนื่องจากมีฝนตกในพื้นที่และมีน้ำในพื้นที่เพียงพอ นั่นหมายความว่า ณ วันนี้เขื่อนแม่กวงฯ สามารถงดส่งน้ำได้ยาวไปถึงวันที่ 23 ต.ค. 62 ซึ่งจะทำให้ประหยัดน้ำเพิ่มขึ้นไปอีก 2 ล้าน ลบ.ม.