ดัชนีการแข่งขันเอสเอ็มอีไตรมาส 3 ตกต่อเนื่อง แตะ 46.9 เชื่อไตรมาส 4 ฟื้นได้จากประกันรายได้เพิ่มกำลังซื้อ แนะรัฐบาลอัดฉีดงบไตรมาส 4-เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกระลอก นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ทางศูนย์พยากรณ์ฯ ร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทยหรือ SME D Bank ทำการสำรวจดัชนีความสามารถการแข่งขันของธุรกิจเอสเอ็มอีไตรมาส 3/2562 พบว่าดัชนีมีการปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 46.9 เมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากยอดขายของธุรกิจลดลง มีกำไรอยู่ในระดับต่ำ การแข่งขันสูง และเป็นดัชนีที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 3 ไตรมาส ขณะที่ดัชนีสถานการณ์ธุรกิจไตรมาส 3 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 41.5 ดัชนีความสามารถการทำธุรกิจอยู่ที่ระดับ 47.8 และดัชนีความยั่งยืนของธุรกิจอยู่ที่ระดับ 51.1 อย่างไรก็ตามแนวโน้มดัชนีความสามารถการแข่งขันของเอสเอ็มอีไตรสมาส 4 เชื่อว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยเฉพาะนโยบายประกันรายได้พืชผลทางการเกษตรที่สำคัญ ทั้ง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา และข้าว รวมประมาณ 30,000 ล้านบาท ทำให้กำลังซื้อภาคเกษตรเพิ่มขึ้นสามารถพยุงเศรษฐกิจให้กลับมาดีขึ้นได้ ทั้งนี้ยังเห็นว่ารัฐบาลจำเป็นต้องเติมเม็ดเงินลงสู่ระบบให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง จากที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะใช้งบที่เหลือโครงการต่างๆมากระตุ้นระบบเศรษฐกิจตั้งแต่เดือนส.ค.ที่ผ่านมาผ่านโครงการต่างๆ แต่ในช่วงที่เหลือปีนี้หากรัฐบาลอัดเม็ดเงินเพิ่มเติมอีกประมาณ 30,000-50,000 ล้านบาท เพื่อทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 4 ขยายตัวเกินร้อยละ 4 จะทำให้เศรษฐทั้งปีขยายตัวร้อยละ 3 ได้ และเป็นแรงเหวี่ยงสำหรับเศรษฐกิจไทยปีหน้า