ที่หน้าสำนักงานตำรวจภูธรภาค 3 นครราชสีมา เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 15 ต.ค.62 พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 พร้อม พล.ต.ต.คีรีศักดิ์ ตันตินวะชัยรอง ผบช.ภาค 3 ในฐานะหัวหน้างานป้องกันปราบปรามยาเสพติดพล.ต.ต.ปวริศ บุญสุทธิ ผบก.สส.ภาค 3 ,พล.ต.ต.สุจินต์ นิจพานิชย์ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา พ.ต.อ.ณรงค์ เสวก รองผบก.จ.ชัยภูมิ และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมร่วมแถลงผลการจับกุมนายเอกราช น้อยเหน่ ชาว จ.ลพบุรี หัวหน้าเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญและฟอกเงิน โดยมีของกลางเงินสด 41,000 บาท, สร้อยคอทองรูปพรรณ10 บาท มูลค่า 200,000 บาท, อาวุธปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติ 2 กระบอกพร้อมเครื่องกระสุน , รถจักรยานยนต์ 6 คัน รถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น ดีแม็กซ์ 2 คัน รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีบัตรเอทีเอ็ม สมุดบัญชีเงินฝากและเอกสารธุรกรรมทางการเงินซึ่งยอดเงินหมุนเวียนรอบ 7 เดือน กว่า 10 ล้านบาท พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ฯ ผบช.ภาค.3 เปิดเผยพฤติการณ์ของคดีว่า เมื่อวันที่22 พฤศจิกายน 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สส.ภาค 3 ร่วมกับ ชุดสืบสวน ภ.จ.ชัยภูมิจับกุมนายอติรัตน์ รักษาทรัพย์ พร้อมยาบ้า 6,000 เม็ดและขยายผลจับกุมนายวีรเดช ฤาชาพร้อมยาบ้า 1,070 เม็ดเหตุเกิดในพื้นที่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิสามารถนำไปสู่การจับกุมเครือข่ายประกอบด้วยนายศรัณยู หรือแจ้ บุญเกิดและพวกรวม 3 คน ผู้ยาเสพติดพื้นที่ อ.เมือง จ.ลพบุรีพร้อมของกลางยาบ้าและตรวจยึดทรัพย์สินที่สงสัยได้จากการค้ายาเสพติดจำนวนหลายรายการ ต่อมาเมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา ได้สืบสวนจับกุมนายพิศณุ ทองสุข และนายวิทชุพงษ์ ทรงอยู่ พร้อมยาบ้าและอาวุธปืน เมื่อตรวจสอบข้อมูลพบหลักฐานเส้นทางการเงินเชื่อมโยงกันโดยโอนเงินจากเครือข่ายยาเสพติดจำนวน 6 ล้านบาท เข้าบัญชีธนาคารของนายเอกราช น้อยเหน่ , น.ส.กัญนิพา พวงทองและนายอัศชัย ช่อฟ้า น่าเชื่อนายเอกราช ฯและพวกมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายค้ายาเสพติด จากเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิสามารถจับกุมนายเอกราช ฯและพวกตามหมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิข้อหากระทำสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่ 2คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน ฐานกระทำสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน แต่นายเอกราช ฯ และพวกให้การปฏิเสธอ้างเงินทั้งหมดได้มาจากอาชีพผู้รับเหมาและเล่นพนันรวมทั้งประกอบธุรกิจรับเหมาและเลี้ยงไก่ชนเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานมาหักล้างข้อสงสัยได้ อย่างไรก็ตามทุกภาคส่วนสามารถร่วมกันแจ้งข้อมูลผ่านสายด่วนยาเสพติด 1599, สายด่วน 191 และ ApplicationPolice I lert U ได้ตลอด 24 ชม. เพื่อดำเนินการปราบปรามจับกุมดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและลดปัญหายาเสพติดเพื่อให้สังคมมีความปลอดภัยจากปัญหายาเสพติดอย่างเป็นรูปธรรม