ซัด รบ.ปี 45 ทำไฟใต้ปะทุ เพราะผู้นำว่าโจรใต้กระจอก วอนเห็นใจทหาร 3 จ.ชายแดนใต้ กดดัน-เครียด โวปี 57 สถานการณ์ใต้ดีขึ้น แต่เริ่มหนักหลังเลือกตั้งเหตุวางระเบิดกรุงเทพฯ ที่หอประชุมกิตติขจร กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) บรรยายพิเศษ ในหัวข้อ “แผ่นดินของเราในมุมมองด้านความมั่นคง” ตอนหนึ่งว่า สำหรับเหตุการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เกิดมาเป็นเวลา 50-60 ปีแล้ว ซึ่งอาณาเขตในพื้นที่ภาคใต้ที่ติดกับประเทศมาเลเซีย เราได้มีการปักปันเขตแดนแล้ว ตั้งแต่ 2545 (สมัยนายทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) รัฐบาลยุคนั้นประกาศยุบศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และยังประกาศว่าไ่ม่มีโจรก่อการร้ายอีกแล้ว พวกที่เหลือเป็นแค่โจรกระจอก หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุรุนแรงก็เริ่มก่อเหตุยุทธการณ์ใบไม้ร่วง ที่มีเจ้าหน้าที้ตำรวจ ทหารเป็นเป้าหมายหลัก มีการเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก มีการบุกปล้นปืน อย่างเหตุการณ์สำคัญ เมื่อปี 2547 ที่มีผูัก่อการร้ายนับร้อยบุกโจมตีกองพันพัฒนาที่ 4 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้ทหารถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยม อาวุธปืนถูกปล้นไปหลายร้อยกระบอก ซึ่งครั้งนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงรอบใหม่ ซึ่งกองทัพบกเองได้จัดทหารเข้าไปวางกองกำลังในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่ในการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้ เรานำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" มาเป็นหลักในการแก้ไขปัญหา พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ในปี 2557 สถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เริ่มดีขึ้น รัฐบาลจึงสั่งให้ลดกำลังทหารโดยเหลือแค่ทหารพราน ทหารจากกองทัพภาคที่ 4 ตำรวจ กองอาสารักษาดินแดน (อส.) ที่ดูแลในพื้นที่ ซึ่งตนได้เคยปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ ในตำแหน่งผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 14 ดูแลพื้นที่จ.ยะลา ได้ไปร่วมปฏิบัติการร่วมเสี่ยงชีวิตกับน้องๆ และเพื่อนๆ ตนและอีกหลายคนโชคดีที่ได้กลับมาบ้าน แต่ทหารและตำรวจอีกหลายท่านไม่มีโอกาสได้กลับบ้าน ไม่ได้มีโอกาสกลับมาเห็นหน้าครอบครัว ประชาชนหลายคนต้องเสียชีวิต จะมีใครเข้าใจปัญหาได้ดี อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด เข้าใจหัวใจของคนที่ไปอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ ที่ทุกคนมองว่าทำไมจะต้องมีการเปลี่ยนกำลัง ทำไมถึงไม่ให้อยู่เลย เราต้องเข้าใจว่าการเข้าไปอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ มีความกดดันมากแค่ไหน จึงจำเป็นต้องมีการสับเปลี่ยนกำลังทุกปี เพื่อไม่ให้เครียด อย่างตน ตอนที่กลับมาจากภาคใต้ใหม่ๆ ตนนอนผวา หรือแม้กระโดดลงจากเตียงและเชื่อว่าอีกหลายท่านก็รูัสึกเช่นเดียวกัน การรบภายใต้สภาวะการกดดัน เป็นภาวะที่โหดร้าย รุนแรงต่อจิตใจ และที่สำคัญคือเราแยกไม่ออกระหว่างศัตรูและประชาชนเพราะเขาแต่งตัวเหมือนกันหมด นี่คือความยากในการทำงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ความกดดันจึงอยู่ที่เจ้าหน้าที่ที่ต้องระวังอยู่ตลอดเวลา เพราะไม่รู้ว่าคนที่เดินเข้ามาหาเรา จะเอาปืนมายิงเราหรือไม่ คนที่ขับรถผ่านเราจะเอาระเบิดมาขว้างใส่เราหรือไม่ มันแยกไม่ออก ดังนั้นจึงต้องใช้หน่วยรบพิเศษมาเสริมในการหาข่าว พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ตั้งแต่ 2547-2562 มีผู้เสียวิตใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ประมาณ 4 พันกว่าคน แบ่งเป็นทหาร 587 นาย ตำรวจ 396 นาย ผู้นำท้องถิ่น 242 คน ครู 109 คน และประชาชน 2,731 คน ถึงแม้ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการก่อเหตุจะมีจำนวนมาก แต่ถ้าดูตัวเลขการเสียชีวิตจากเหตุอาชญากรรม อุบัติเหตุ มียอดสูงกว่าในที่เกิดพื้นที่เดียวกัน ทั้งนี้คนที่มุ่งโจมตีฝ่ายความมั่นคง มุ่งโจมตีฝ่ายรัฐ เขาจะทำตัวเลขขึ้นมาให้ดูน่ากลัว และพูดไม่หมด มีการสร้างภาพให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดูน่ากลัว แต่ในส่วนของหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง จะมีการเปรียบเทียบยอดให้ใกล้เคียงกับความจริงมากที่สุด "ไม่ใช่เอามาพูดว่าตายเป็นแสน และไม่เคยแก้ไขปัญหาได้ ประชาชนบาดเจ็บ เสียชีวิต รัฐไม่เคยแก้ปัญหาได้ นี่เป็นวิธีการพูดแบบนักการเมือง พูดแบบผู้ที่มีประโยชน์แอบแฝง" พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมา แม่ทัพภาค 4 ได้รายงานเหตุการณ์ล่าสุดว่า ได้ทำลายฐานปฏิบัติการ 7 ฐาน ยึดอาวุธเป็นจำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิหลายราย ขณะนี้กำลังรอรายละเอียดอยู่ เหตุการณ์ความไม่สงบเริ่มหนักขึ้นหลังมีการเลือกตั้ง อย่างกรณีเหตุลอบวางระเบิดในพื้นที่หลายจุดของ กทม. ข่าวนี้หายไปเร็ว ตนบอกได้เลยว่า ฝ่ายความมั่นคงทั้งทหาร ตำรวจ จะไม่วางมือโดยเด็ดขาดว่ากลุ่มคนพวกนี้มีความเชื่อมโยงกับใคร เอาคนจากข้างล่างไปวางแผนฝั่งโน้น และเข้ามาป่วนในพื้นที่กทม. หลังมีการเลือกตั้งได้ไม่กี่เดือน