เมื่อวันที่ 9 ต.ค.62 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. พร้อมด้วย พล.ต.ต.พรชัย ขันตี รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 และ พ.ต.อ.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ รอง ผบก.ตม.2 แถลงผลระดมกวาดล้างอาชญากรรม และกวดขันจับกุม คนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายหรือที่มีพฤติกรรมจะเข้ามากระทำความผิดทางอาญา หรือก่อความเดือดร้อนวุ่นวายให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม โดยเมื่อวันที่ 3 ต.ค.62 พล.ต.ต.วีรพล เจริญศิริ ผบก.ตม.2 ได้รับรายงานจาก พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม ผกก.สส.ปป.บก.ตม.2 ว่าในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำกับการสืบสวนปราบปราม กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 มีผลการจับกุมคดีสำคัญๆ 3 ราย รายที่ 1 เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 23 ก.ย.62 จับกุมหนุ่มอิหร่านผู้ลี้ภัยในประเทศฝรั่งเศส อายุประมาณ 47 ปี ใช้หนังสือเดินทางประเทศฝรั่งเศสของผู้อื่น (หน้าเหมือน หรือ IMPOSTOR) เพื่อใช้ในการเดินทาง ทั้งนี้ ผู้ถูกจับกุมได้เดินทางมาจากประเทศเยอรมันและเมื่อมาถึงประเทศไทย ได้ไปเข้ารับการตรวจอนุญาตเข้าเมืองด้วยระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) โดยระบบได้แจ้งว่า “ความน่าเชื่อถือภาพผู้ถือหนังสือเดินทางกับภาพที่ถูกบันทึกไว้ใน Chip ภายในหนังสือเดินทางมีค่าเพียง 19% ซึ่งจากการสืบสวนหนุ่มอิหร่านอ้างว่า ตนเองได้ซื้อเอกสารดังกล่าวที่สถานีรถไฟในประเทศฝรั่งเศส ราคาประมาณ 520 ยูโร (ประมาณ 17,500 บาท) ก่อนจะเดินทางมาประเทศไทยและใช้หนังสือเดินทางเล่มดังกล่าวในการเดินทาง เพื่อไปลักลอบทำงานในประเทศญี่ปุ่น จึงถูกจับกุมในข้อหาใช้หนังสือเดินทางของผู้อื่นโดยมิชอบอันน่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน นำส่ง พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดำเนินคดี รายที่ 2 เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 25 ก.ย.62 จับกุมชายไม่ทราบชื่อสกุลที่แท้จริง อายุประมาณ 57 ปี ใช้หนังสือเดินทางประเทศเมียนมาปลอม (ปลอมหน้าข้อมูลส่วนบุคคล) ในการเดินทางเข้าประเทศไทย และเมื่อเดินทางมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ไปเข้ารับการตรวจอนุญาตเข้าเมืองผ่านระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) โดยระบบได้แจ้งว่า “มีการปลอมแปลงหรือมีการแก้ไขในส่วนของระบบนิรภัย “MRZ” (Machine Readable Zone)” จากการสืบสวนชายไม่ทราบสัญชาติ ลักษณะคล้ายชาวจีนผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศเมียนมาปลอมอ้างว่า “ตนเองได้หนังสือเดินทางประเทศเมียนมา มาจากเพื่อนต่างชาติไม่ทราบชื่อ-ชื่อสกุล เป็นผู้แนะนำให้รู้จักกับนายหน้าชาวเมียนมาผู้จัดหาหนังสือเดินทางปลอม โดยได้รับหนังสือเดินทางที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และได้จ่ายเงินค่าดำเนินการ จำนวน 25,000 จ๊าด (ประมาณ 1,250 บาท)” จึงถูกจับกุมในข้อหา “ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ซึ่งหนังสือเดินทางปลอมฯ (หนังสือเดินทางประเทศเมียนมาปลอม)” นำส่ง พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดำเนินคดี รายที่ 3 เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น. วันที่ 30 ก.ย.62 จับกุมหญิงสาวชาวเคนย่า อายุประมาณ 28 ปี กล่าวคือ ตามวันเวลาข้างต้นขณะที่ผู้ถูกจับกุมจะเดินทางออกนอกประเทศไทย ได้เข้ามารับการตรวจออกนอกราชอาณาจักรผ่านระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Biometrics) ก่อนที่ระบบจะแจ้งเตือนว่า “คนต่างด้าวรายนี้อยู่เกินในราชอาณาจักรถึง 715 วัน” จนท.ตม.ผู้ทำหน้าที่ประจำช่องตรวจ จึงได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า “ผู้ถูกจับกุมได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 18 Jul 2017 วีซ่าประเภท TR อนุญาตให้อยู่ถึงวันที่ 15 SEP 2017 ขออยู่ต่อที่ ตม.จว.สงขลา อนุญาตถึง 15 OCT 2017 และปรากฏรอยตราประทับขาออกเลขที่ S1742 ปลอม” อีกทั้งจากการสืบสวนซึ่งผู้ถูกจับกุมให้การยอมรับว่า “ตนเองได้ส่งหนังสือเดินทางไปให้นายหน้าที่ประเทศเคนย่า ดำเนินการประทับรอยตราประทับปลอม ซึ่งได้ชำระเงินเป็นค่าดำเนินการ จำนวน 10,000 บาท” จึงถูกจับกุมในข้อหา “ปลอมหรือใช้รอยตราประทับที่มีการแก้ไข (รอยตราประทับขาออก ด่าน ตม.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รหัส S1742) และอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด” นำส่ง พงส.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดำเนินคดี การจับกุมดังกล่าว เป็นผลจากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานในสนามบิน โดยเฉพาะการให้ความรู้แก่หน่วยงานที่เป็นเครือข่ายประชาคมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดยมีการประชุมประชาคมข่าวเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งมีกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 เป็นเจ้าภาพ และมีหน่วยงานต่างๆ ร่วม เช่น การท่าอากาศยาน หรือ AOT, กลุ่มธุรกิจ การบิน หรือ AOC, ศุลกากร, ปปส., หน่วยงานตำรวจต่างๆ เช่น ตำรวจท่องเที่ยว, ตำรวจสันติบาล, ตำรวจ ปส. และ สภ.สุวรรณภูมิ เป็นต้น