เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 9 ต.ค.62 ที่ สน.จรเข้น้อย พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ รองผบช.น. พร้อมด้วยพ.ต.อ.พงษ์จักร จักษุรักษ์ ผกก.สน.จรเข้น้อย พ.ต.ท.ธเนศ ศรีจำปา รอง ผกก.(สส.) แถลงการจับกุมนายฉัตรชัย หรือเบิร์ด ปรุงสุข อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุชกหน้า น.ส.เอ นามสมมุติ (ผู้เสียหาย) และใช้ประแจทุบกระจกหน้ารถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส สีดำ ทะเบียน 5 กท-5044 กรุงเทพมหานคร ของผู้เสียหาย ระหว่างขับมาในซอยลาดกระบัง 54 แขวงลาดกระบัง เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวเปิดเผยว่า สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนั้น ภายหลังมีคลิปเผยแพร่บนโลกโซเชียลและมีสื่อนำเสนอเรื่องราว ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะเป็นการทำร้ายร่างกายผู้หญิงซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมเฝ้าจับตามอง จากเรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ วันนี้จึงพาผู้เสียหายมาพูดคุยกับผู้ต้องหาถึงสิ่งที่ได้กระทำไปทั้งนี้ จากการสอบถามญาตินายฉัตรชัย ทราบว่าเจ้าตัวเคยถูกรุมทำร้ายร่างกายเมื่อ 4-5 ปีมาแล้ว จนมีอาการผิดปกติทางจิต มักจะพูดจาวกวน เคยรักษาอาการที่รพ.พระมงกุฎ ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ว่าเคยเข้ารับการรักษาจริงหรือไม่ ส่วนเรื่องข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา "ทำร้ายร่างกาย" และข้อหา "ทำให้เสียทรัพย์" ก่อนคุมตัวฝากขังศาลอาญามีนบุรี
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวต่อไปว่า ในวันเกิดเหตุ น.ส.เอ ได้ขับรถอยู่ในซอยลาดกระบัง 54 ระหว่างนั้นมีรถจยย. ของผู้ต้องหาขับอยู่ด้านหน้าเนื่องด้วยเป็นถนนเลนสวนทำให้น.ส.เอ แซงไม่ได้ต้องกระพริบไฟใส่รถจยย. นายฉัตรชัย จึงหลบให้แต่เมื่อรถยนต์แซงขึ้นไปนายฉัตรชัย ที่อยู่ในอารมณ์บันดาลโทสะจึงขับรถจยย. แซงคืนพร้อมหยุดรถก่อนจะลงไปทำร้ายร่างกายน.ส.เอ ด้วยการชกหน้า 1 ครั้ง และใช้ประแจเบอร์ 23 ทุบกระจกฝั่งคนขับจนแตก ซึ่งทางผู้เสียหายมีคลิปที่ถ่ายไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด รวมถึงกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุด้วย
ด้านนายฉัตรชัย กล่าวเปิดเผยว่า ตนยอมรับผิดกับสิ่งที่กระทำไปเหตุเพราะอารมชั่ววูบทีแรกตนไม่ทราบว่าเป็นผู้หญิง โดยที่ไม่มีการปาดหน้ากันหรือเฉี่ยวชนกันแต่อย่างใด ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่ได้เสพยาเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์มาก่อน ที่ตนทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ตนขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
ทางด้าน น.ส.เอ ผู้เสียหายกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนไม่ได้ขับจี้ท้ายเพียงแต่กระพริบไฟ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งเมื่อพูดคุยกับนายฉัตรชัย แล้วรู้สึกว่ามีอาการไม่ปกติ ควรเข้ารับการรักษากับแพทย์จริงๆ แม้ตนจะไม่ได้โกรธแล้ว แต่ยืนยันว่าจะดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เพราะตอนนี้ยังรู้สึกหวาดระแวงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
รายข่าวแจ้งว่าจากการสืบสวนผู้ต้องหาหลังเกิดเหตุได้วนรถกลับมาเก็บหลักฐานที่จุดเกิดเหตุจากนั้นจึงหลบหนีเข้าไปในห้องพักชั้น 1 โครงการบ้านเอื้ออาทร 2 ถนนประชาพัฒนา แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ จนกระทั่งวันที่ 8 ต.ค.62 กำลังเจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุม แต่ประตูถูกปิดล็อคจากด้านนอก เจ้าหน้าที่จึงประสานทางญาติมาเจรจาเกลี้ยกล่อมจนผู้ต้องหายอมออกมาเปิดประตูให้เข้าควบคุมตัวแต่โดยดี จากการตรวจสอบในห้องพักพบว่าเป็นห้องที่สะอาดมาก และพบของกลางคือรถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีน้ำตาลคาดดำ หมายทะเบียน ฬษก203 กรุงเทพมหานคร พร้อมประแจเบอร์ 23 ขณะควบคุมตัวมาสอบสวนทางนายฉัตรชัย มีอาการหวาดระแวง เพียงแตะตัวก็มีอาการตกใจรุนแรง รวมถึงไม่ยอมดื่มน้ำที่ตำรวจจัดไว้ให้ดื่ม
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวเปิดเผยว่า สำหรับคดีที่เกิดขึ้นนั้น ภายหลังมีคลิปเผยแพร่บนโลกโซเชียลและมีสื่อนำเสนอเรื่องราว ทางตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจเพราะเป็นการทำร้ายร่างกายผู้หญิงซึ่งเป็นเรื่องที่สังคมเฝ้าจับตามอง จากเรื่องเล็กอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ วันนี้จึงพาผู้เสียหายมาพูดคุยกับผู้ต้องหาถึงสิ่งที่ได้กระทำไปทั้งนี้ จากการสอบถามญาตินายฉัตรชัย ทราบว่าเจ้าตัวเคยถูกรุมทำร้ายร่างกายเมื่อ 4-5 ปีมาแล้ว จนมีอาการผิดปกติทางจิต มักจะพูดจาวกวน เคยรักษาอาการที่รพ.พระมงกุฎ ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ว่าเคยเข้ารับการรักษาจริงหรือไม่ ส่วนเรื่องข้อกล่าวหา พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา "ทำร้ายร่างกาย" และข้อหา "ทำให้เสียทรัพย์" ก่อนคุมตัวฝากขังศาลอาญามีนบุรี
พล.ต.ต.อิทธิพล กล่าวต่อไปว่า ในวันเกิดเหตุ น.ส.เอ ได้ขับรถอยู่ในซอยลาดกระบัง 54 ระหว่างนั้นมีรถจยย. ของผู้ต้องหาขับอยู่ด้านหน้าเนื่องด้วยเป็นถนนเลนสวนทำให้น.ส.เอ แซงไม่ได้ต้องกระพริบไฟใส่รถจยย. นายฉัตรชัย จึงหลบให้แต่เมื่อรถยนต์แซงขึ้นไปนายฉัตรชัย ที่อยู่ในอารมณ์บันดาลโทสะจึงขับรถจยย. แซงคืนพร้อมหยุดรถก่อนจะลงไปทำร้ายร่างกายน.ส.เอ ด้วยการชกหน้า 1 ครั้ง และใช้ประแจเบอร์ 23 ทุบกระจกฝั่งคนขับจนแตก ซึ่งทางผู้เสียหายมีคลิปที่ถ่ายไว้เป็นหลักฐานทั้งหมด รวมถึงกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุด้วย
ด้านนายฉัตรชัย กล่าวเปิดเผยว่า ตนยอมรับผิดกับสิ่งที่กระทำไปเหตุเพราะอารมชั่ววูบทีแรกตนไม่ทราบว่าเป็นผู้หญิง โดยที่ไม่มีการปาดหน้ากันหรือเฉี่ยวชนกันแต่อย่างใด ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่ได้เสพยาเสพติดหรือดื่มแอลกอฮอล์มาก่อน ที่ตนทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ตนขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย
ทางด้าน น.ส.เอ ผู้เสียหายกล่าวว่า ในวันเกิดเหตุตนไม่ได้ขับจี้ท้ายเพียงแต่กระพริบไฟ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งเมื่อพูดคุยกับนายฉัตรชัย แล้วรู้สึกว่ามีอาการไม่ปกติ ควรเข้ารับการรักษากับแพทย์จริงๆ แม้ตนจะไม่ได้โกรธแล้ว แต่ยืนยันว่าจะดำเนินคดีไปตามกฎหมาย เพราะตอนนี้ยังรู้สึกหวาดระแวงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
รายข่าวแจ้งว่าจากการสืบสวนผู้ต้องหาหลังเกิดเหตุได้วนรถกลับมาเก็บหลักฐานที่จุดเกิดเหตุจากนั้นจึงหลบหนีเข้าไปในห้องพักชั้น 1 โครงการบ้านเอื้ออาทร 2 ถนนประชาพัฒนา แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ จนกระทั่งวันที่ 8 ต.ค.62 กำลังเจ้าหน้าที่จะเข้าจับกุม แต่ประตูถูกปิดล็อคจากด้านนอก เจ้าหน้าที่จึงประสานทางญาติมาเจรจาเกลี้ยกล่อมจนผู้ต้องหายอมออกมาเปิดประตูให้เข้าควบคุมตัวแต่โดยดี จากการตรวจสอบในห้องพักพบว่าเป็นห้องที่สะอาดมาก และพบของกลางคือรถจยย. ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นสกู๊ปปี้ไอ สีน้ำตาลคาดดำ หมายทะเบียน ฬษก203 กรุงเทพมหานคร พร้อมประแจเบอร์ 23 ขณะควบคุมตัวมาสอบสวนทางนายฉัตรชัย มีอาการหวาดระแวง เพียงแตะตัวก็มีอาการตกใจรุนแรง รวมถึงไม่ยอมดื่มน้ำที่ตำรวจจัดไว้ให้ดื่ม