จากกรณีมีผู้พิพากษาใช้อาวุธปืน ยิงตัวเองที่ศาลจังหวัดยะลา ซึ่งมีรายงานว่าสาเหตุเกิดจากความเครียดในการพิจารณาคดี เเละมีการวิพากวิจารณ์ว่ามาจากการถูกกดดันเเทรกเเซงการพิจารณาพิพากษาคดี วันที่ 5 ต.ค.62 นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในฐานะเลขานุการ ก.ต.กล่าวถึงความคืบหน้าว่า ขณะนี้ตนได้รับรายงานเกี่ยวกับข้อเท็จจริงเหตุการณ์ผู้พิพากษายิงตัวในห้องพิจารณาที่ศาลจังหวัดยะลา จากนายเพิ่มศักดิ์ สายสีทอง อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค9 และ นายอนิรุธ ใจเที่ยง ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดยะลา เพื่อนำไปเสนอข้อเท็จจริงจากเหตุการณ์ต่อคณะกรรมการตุลาการศาลหรือ ก.ต. ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตามก่อนนี้เพียงได้รับรายงานทางโทรศัพท์ในเบื้องต้น และตนได้รายงานไปยัง นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานศาลฎีกา ตามลำดับแล้ว สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้เมื่อรายงานที่ประชุม ก.ต.ไปแล้ว ก็ดูว่า ก.ต.จะพิจารณาอย่างไร ซึ่งขณะนี้ตนได้เตรียมรายละเอียด เช่นคำแถลงการณ์ต่างๆของผู้พิพากษาคนดังกล่าวเพื่ออธิบายแก่ก.ต.แล้ว และต้องรับข้อมูลจากอธิบดีผู้พิพากษาภาค9เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนถูกต้องอีกด้วย นายสราวุธ กล่าวอีกว่าว่า คำพิพากษาถือเป็นความลับ ไม่สามารถเปิดเผยก่อนการอ่านคำพิพากษาได้ ไม่เช่นนั้นจะรู้ผลล่วงหน้า และเป็นวิธีปฏิบัติของศาลที่จะปรึกษาหารือกันได้ซึ่งในกระบวนการทำงานคดีที่มีโทษสูง คดีสำคัญ กฏหมายพระธรรมนูญ มาตรา 11 (1) ให้อำนาาจ อธิบดีนั่งพิจารณาและพิพากษาคดีใดๆของศาลนั้น หรือเมื่อได้ตรวจสำนวนคดีใดแล้วมีอำนาจทำความเห็นแย้งได้ และสามารถให้คำแนะนำแก่ผู้พิพากษาในศาลนั้น ในข้อขัดข้องเนื่องในการปฏิบัติหน้าของผู้พิพากษา "ผู้พิพากษาทั่วประเทศมีขวัญกำลังใจดีไม่มีปัญหาอะไร เรื่องอำนาจของอธิบดีผู้พิพากษามีกำหนดชัดเจนในกฎหมายพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ตนก็เป็นผู้บรรยายกฎหมายวิชาพระธรรมนูญศาลในเนติบัณฑิตยสภา ส่วนจะมีการแก้ไขกฎหมายพระธรรมนูญศาลหรือไม่ ให้รอฟังผลการประชุม ก.ต.ก่อน ตนขอย้ำว่าผู้พิพากษามีความเป็นอิสระปราศจากการแทรกแซงแน่นอน" นายสราวุธกล่าว