เมื่อวันที่ 29ก.ย. นายประภัตร โพธสุธน รมช. เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดกิจกรรมสร้างความเข้าใจการพัฒนาระบบการผลิตตามมาตรฐาน การรับรองแบบกลุ่ม ในพื้นที่นาแปลงใหญ่ จังหวัดสุพรรณบุรีว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีนโยบายส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรรวมกลุ่มกันผลิต จำหน่ายและบริหารจัดการร่วมกัน ทั้งในรูปของกลุ่มเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน/สหกรณ์ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิต พัฒนาคุณภาพผลผลิตให้ได้มาตรฐานตามความต้องการของตลาด การเชื่อมโยงตลาด และบริหารจัดการให้เกิดความสมดุลระหว่างอุปทานและอุปสงค์ของสินค้าเกษตร ทั้งนี้ นาแปลงใหญ่ เป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มผลิตและบริหารจัดการผลิตข้าว มุ่งสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มเกษตรกรให้มีความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อปรับเปลี่ยนห่วงโซ่การผลิตข้าวแบบเดิม โดยผสานเชื่อมโยงกันตั้งแต่การเพาะปลูกข้าวไปจนถึงการตลาด รวมทั้งการผลิตข้าวที่ได้มาตรฐาน อาทิ การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (Good Agricultural Practices: GAP) ทั้งนี้ กระบวนการรับรองการผลิตข้าว มีทั้งการรับรองรายเดี่ยว และการรับรองแบบกลุ่ม ซึ่งการขอการรับรองแบบกลุ่มนั้น จะช่วยประหยัดงบประมาณและเวลา สร้างความเข็มแข็งและความยั่งยืนในการผลิตให้กับกลุ่มเกษตรกร เป็นแนวทางหนึ่งที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถขอการรับรองได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.)ได้ดำเนินโครงการพัฒนาระบบการผลิตตามมาตรฐานโดยใช้ระบบการรับรองแบบกลุ่ม ให้แก่กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตข้าวในพื้นที่โครงการนาแปลงใหญ่ ซึ่งบูรณาการงานร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมการข้าว เพื่อให้ความรู้และคำแนะนำแก่กลุ่มเกษตรกร ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการรับรองแบบกลุ่ม “เกษตรกรเองจะต้องช่วยกันผลิตสินค้าให้ได้มาตรฐาน Q ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค และขณะนี้กำลังส่งเสริมการขายระบบออนไลน์ โดยในวันศุกร์ที่ 4 ต.ค. 62 จะนำร่องที่หมู่บ้านอนุรักษ์ควายไทย จ.สุพรรณบุรี ก่อน โดยให้เกษตรกรนำสินค้าเกษตรของตนเองที่ได้รับรองมาตรฐาน Q มาลองขายผ่านระบบออนไลน์เป็นครั้งแรก ซึ่งจะมีการสอนโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้เกษตรกรได้ขายสินค้าเกษตรของตัวเองโดยตรง ไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง เชื่อว่าหากทุกอย่างมีตลาด เกษตรกรก็จะสามารถผลิตและขายได้ราคาดี” นายประภัตร กล่าว